CRD ลุ้นรายได้ปีนี้ทะลุเป้าหลังคว้างานครัวการบินเชียงใหม่พร้อมรุกขยายงานเอกชน-AEC,จับมือ มช.แปรรูปขยะหวังเสนองานเทศบาล

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 19, 2018 11:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เชียงใหม่ริมดอย (CRD) กล่าวว่า รายได้ของบริษัทในปีนี้มีโอกาสทำได้เกินกว่าเป้าหมาย 1.6 พันล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ราว 1.37 พันล้านบาท หลังจากสามารถเข้ารับงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทได้รับแจ้งในเบื้องต้นว่าได้งานครัวการบินเชียงใหม่ของ บมจ.บางกอกแอร์เวย์ (BA) ที่มีมูลค่าราว 190 ล้านบาท ซึ่งน่าจะได้เซ็นสัญญาภายในเดือน มี.ค.นี้ และคาดว่าจะส่งมอบงานครบทั้งหมดภายในปีนี้

ก่อนหน้านั้น งานในมือ (backlog) ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาที่ 978.64 ล้านบาท จากระดับ ณ สิ้นปี 60 ที่อยู่ในระดับ 892 ล้านบาท ดังนั้นงานขนาดใหญ่ที่ได้รับเข้ามาล่าสุด ทำให้ backlog ขณะนี้ทะลุ 1 พันล้านบาทไปแล้ว ซึ่งจะเป็นงานที่จะทยอยรับรู้ไปถึงปี 62 แต่ส่วนใหญ่จะรับรู้ภายในปีนี้

ขณะที่ในช่วงต้นปีนี้บริษัทได้เซ็นสัญญารับงานของภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ การปรับปรุงบ้านตัวอย่างของโครงการ X2 Chiang Mai Miville Residence, การก่อสร้างคอนโดมิเนียม The Nine (Thailand), การก่อสร้างทางลาดและกระถางต้นไม้ของ The Empress งานปรับปรุงอาคารพาณิชย์คอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้นครึ่ง 7 คูหา เป็นต้น ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือน ก.พ.บริษัทมีสัดส่วนการรับงานภาคเอกชนในเพิ่มขึ้นเป็น 35% จากเดิมปีก่อนทั้งปีที่ 15%

ทั้งนี้ บริษัทยังเข้าร่วมประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วทุกภูมิภาคเข้ามาทดแทนงานในส่วนที่เสร็จและส่งมอบให้ลูกค้าไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อรักษาระดับงานในมือให้มีอัตราไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท และบริษัทพยายามสร้างโอกาสการรับรู้รายได้ที่สม่ำเสมอทุกไตรมาส โดยยังมีงานเอกชนที่อยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญาและอยู่ในขั้นตอนการเจรจา รวมถึงการเสนอราคาอีกหลายโครงการ เช่น งานระบบน้ำที่เกาะสมุย มูลค่าราว 300-400 ล้านบาท เป็นต้น เชื่อว่าทั้งหมดจะช่วยสนับสนุนให้งานเอกชนของบริษัทในปีนี้มีสัดส่วน 60% ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่งานเอกชนให้อัตรากำไรสูงกว่างานของภาครัฐ จึงเชื่อว่าภาพรวมอัตรากำไรในปีนี้จะดีกว่าปีก่อนด้วย

ส่วนงานภาครัฐในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 40% จาก 85% ในปีก่อน โดยงานในภาครัฐไม่ได้มีน้อยลงแต่มีสัดส่วนงานเอกชนเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยบริษัทยังมีการเข้าร่วมประมูลงานอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงรอความชัดเจนของแต่ละงานที่มีขั้นตอนการประมูล ข้อกำหนด และระยะเวลาที่แตกต่างกัน ซึ่งในไตรมาส 2/61 คาดว่าจะเริ่มมึการทยอยเปิดประมูลงานของการไฟฟส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หลายโครงการ ทั้งนี้ บริษัทมองโอกาสรับงานปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มกำลังผลิตโครงการไฟฟ้าพลังน้ำอย่างที่ จ.สตูล หลังจากได้ที่เข้ารับงานที่ แม่ตืน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ มาแล้ว

"ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีโอกาสทั้งงานก่อสร้างใหม่ และการปรับปรุงโครงการเดิมที่สามารถสร้างรายได้ ทั้งงานของภาครัฐและเอกชนในทุกจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชียงใหม่ที่หลายคนอาจมองว่าเป็นจังหวัดที่ไม่สามารถขยายการก่อสร้างได้มาก แต่ด้วยความเชี่ยวชาญในพื้นที่ CRD มองเห็นโอกาสและช่องทางในการสร้างรายได้ในทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นในตัวเมือง หรือแม้แต่บนพื้นที่เขาอย่าง อ.อมก๋อย ก็สามารถดำเนินการได้" นายธีรพัฒน์ กล่าว

นอกจากนั้น บริษัทยังแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในรูปแบบใหม่ คือ การจับมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ได้รับเงินสนับสนุนการทำวิจัยจากภาครัฐ ร่วมมือกันทำโครงการต้นแบบการจัดการขยะครบวงจร ซึ่งจะเน้นการแปรรูปขยะเป็นพลังงาน (Waste to Energy) โดยสามารถบริหารจัดการขยะที่มีปริมาณไม่สูงมาก หรือราว 50 ตัน จึงคาดหวังว่าจะนำผลสำเร็จของโครงการไปเสนอให้กับเทศบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศเพื่อเข้ารับงาน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีต้นทุนในการกำจัดขยะค่อนข้างสูง อย่างบนเกาะต่าง ๆ เป็นต้น

พร้อมกันนั้น บริษัทยังหาช่องทางการขยายงานไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเดินทางไปดูงานในกลุ่มประเทศ AEC อาทิ สปป.ลาว, เวียดนาม และเมียนมา เป็นต้น เพื่อศึกษาแนวทางการทำงานในแต่ละประเทศ รวมถึงหารือทางธุรกิจเพื่อการร่วมมือกันในอนาคตต่อไป

นายธีรพัฒน์ เปิดเผยว่า บริษัทเจรจาความร่วมมือเบื้องต้นกับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของไทยในส่วนของธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกัน หลังจากรับทราบว่าส่วนธุรกิจดังกล่าวมีความสนใจเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเมียนมา ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าหากมีการลงทุนก็พร้อมจะเสนอตัวเข้ารับงานก่อสร้างให้กับกลุ่มดังกล่าว น่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้ ขณะที่ยังมองลู่ทางการเข้าไปรับงานในประเทศอื่น ๆ ของลาวและเวียดนามด้วย

"เราคุยกับกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เขาสนใจเข้าไปตั้งโรงงานในเมียนมา เราก็เสนอตัวไปรับงานก่อสร้างให้เขา ขณะที่เขาก็จะซัพพลายวัสดุก่อสร้างให้เรา ตอนนี้ก็กำลังติดต่อให้เขามาดูงานก่อสร้างของเรา"นายธีรพัฒน์ กล่าว

นายธีรพัฒน์ กล่าวว่า บริษัทยังมีสินทรัพย์ที่ดินอีก 11 แปลงใน จ.เชียงใหม่ โดยมูลค่าประเมินอยู่ทึ่ราว 200 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาพัฒนา หรือสร้างรายได้เสริมให้กับบริษัทได้ แต่คงยังไม่รีบร้อนสรุปในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ