GBS คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนในกรอบ 1,710 -1,760 จุด รับแรงกดดันจากกังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 10, 2018 11:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนในกรอบ 1,710 -1,760 จุด หลังมีแรงกดดันจากกความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่แนวโน้มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในช่วงไตรมาส 1/61 ของไทยคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยบวกจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ระบุผ่านทวิตเตอร์คาดว่าจีนจะเป็นฝ่ายยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้า และคาดจะบรรลุข้อตกลงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาและมาตรการภาษีที่เอื้อประโยชน์ต่อกันได้ แม้จะยังคงจับตาสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯรอบใหม่ โดยเฉพาะการตอบโต้จากจีนหลังสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีปัจจัยบวกจากภายในประเทศที่คาดการณ์แนวโน้ม GDP ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยหนุนเรื่องกำลังซื้อในประเทศและความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมที่ปรับเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยกดดันจาก สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯรอบใหม่ โดยเฉพาะการตอบโต้จากจีนหลังสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงใกล้เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ จึงคาดว่าวอลุ่มตลาดจะเบาบางลง นอกจากนี้ยังมีหุ้นใหญ่หลายตัวจะขึ้นเครื่องหมาย XD อาทิ INTUCH, BANPU, BBL, KBANK, SCB, SCC และ fund flow ที่ยังผันผวน ในช่วง 1 เดือนย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4.9 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตาในระยะนี้ ได้แก่ วันที่ 10 เม.ย. สหรัฐ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ. และสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ วันที่ 11 เม.ย. สหรัฐ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 20-21 มี.ค และในวันเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานนโยบายการเงิน

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มชะลอตัวโดยได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน คาด SET ผันผวนในกรอบ 1,710 -1,760 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ DTAC ราคาหุ้นเป็น Laggard โดยลดลง 10-15% ตั้งแต่ช่วงปลายปี 60 หลังสัญญากับบมจ.ทีโอที (TOT) ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แต่ยังต้องรอการพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด

รวมถึง XO คาดปี 61 จะเป็นปีทอง กำไรมีแนวโน้มเติบโต 57% MONO เรตติ้งเดือนม.ค. -มี.ค. 61 ยืนอันดับที่ 3 จากต้นปี 60 อยู่ที่อันดับ 4 , CENTEL และ ERW ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี และใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และหุ้นปันผลเด่น ได้แก่ BAFS, CRD, FTE, GLOW, KKP, NYT, SIS, SPRC, TISCO, QH, PDI, PL, AIT, AP, KIAT

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ มองว่าการออกมาตรการปกป้องธุรกิจในประเทศของสหรัฐฯยังคงเป็นปัญหาหลักสำหรับการค้าโลก ซึ่งการที่สหรัฐฯทยอยเพิ่มรายชื่อสินค้านำเข้าจากจีน และจีนได้โต้กลับด้วยมูลค่าความเสียหายที่ทัดเทียมกัน กำลังทำให้สงครามการค้าระหว่างประเทศขยายวงกว้างและอาจส่งผลกระทบให้กับอีกหลายชาติที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน โดยมีความเป็นไปได้ว่าสหรัฐฯอาจเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุดทั้งทางตรงและทางอ้อมจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น ทำให้เงินสกุลดอลลาร์และราคาทองคำแกว่งผันผวนในระยะสั้นจากความเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายรายวัน แต่มีแนวโน้มที่เงินสกุลดอลลาร์จะอ่อนค่าในระยะกลาง ซึ่งเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ หากความขัดแย้งทางการค้านี้ยังคงอยู่

ทั้งนี้ สำหรับภาพทางเทคนิค ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวสะสมกำลังในกรอบรูปสามเหลี่ยมแบบ descending เช่นเดียวกับสัปดาห์ที่แล้ว จึงคงคำแนะนำให้เก็งกำไรในกรอบด้วยการรอจังหวะเข้าซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวลงในช่วง 1,300–1,315 ดอลลาร์/ออนซ์ แล้วแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้นไปในช่วง 1,345–1,355 ดอลลาร์/ออนซ์ และถือต่อถ้าราคาทะลุผ่าน 1,360 ดอลลาร์/ออนซ์ขึ้นไปได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ