(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway up ตามภูมิภาคหลังข้อขัดแย้งการค้าสหรัฐฯ-จีนคลี่คลาย,ราคาน้ำมันพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 11, 2018 09:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อยราว 0.2-0.3% ภายหลังจากมองสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนได้คลี่คลายลง จากคำกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบีดีของจีน ที่ต้องการจะเปิดตลาดให้กว้างขึ้นสำหรับชาวต่างชาติ และจะเข้มงวดบังคับใช้กฏหมายทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงท่าทีประนีประนอม

นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นแรง 3% จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันอออกกลาง อย่างไรก็ดีวันนี้ให้ติดตามศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่รับพ.ร.บ.การเลือกตั้งส.ส. และให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/61 ของกลุ่มแบงก์

ส่วนต่างประเทศให้ติดตามดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ และรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ครั้งก่อน ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้

พร้อมให้แนวรับ 1,756-1,758 ถัดไป 1,750 จุด ส่วนแนวต้าน 1,765-1,770 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 เม.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,408.00 จุด พุ่งขึ้น 428.90 จุด (+1.79%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,656.87 จุด เพิ่มขึ้น 43.71 จุด (+1.67%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,094.30 จุด เพิ่มขึ้น 143.96 จุด (+2.07%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 24.77 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 32.49 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.52 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.79 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.65 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.32 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 เม.ย.61) 1,760.95 จุด เพิ่มขึ้น 9.68 จุด(+0.55%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 504.62 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 เม.ย.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 เม.ย.61) ปิดที่ระดับ 65.51
ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.09 ดอลลาร์ หรือ 3.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 เม.ย.61) ที่ 8.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.18 แข็งค่าหลังดอลล์อ่อน ตลาดคลายกังวลปัญหาสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ
  • บอร์ด กสทช.ส่อไม่ลงมติรับร่างฯ เกณฑ์ประมูลคลื่น 1800 วันนี้ "ฐากร"ระบุหากเดินหน้าอาจก้าวล่วงอำนาจบอร์ดใหม่ อ้าง สนช.กำลังจะคัดเลือกวันที่ 19 เม.ย.นี้ "หมอลี่"เผยบอร์ดเสียงแตก 2 ขั้วทั้งหยุดและให้เดินหน้า เตือนหากไม่ลงมตินอกจากล่าช้า อาจเข้าข่าย 157 คลังผวากระทบรายได้ไม่เข้าเป้า ส่วนนายกฯ ไฟเขียวอุ้มทีวีดิจิทัล-กรมประชาฯ หาโฆษณาได้
  • ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีราคาขายห้องชุดใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 2 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรีและสมุทรปราการในไตรมาสแรก ปี 2561 พบว่า ราคาขายเพิ่มขึ้นอยู่ระดับ 133.1 จุด หรือเพิ่ม 6.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 124.9 จุด และปรับเพิ่มขึ้น 0.9% จากไตรมาส 4 ปี 2560
  • สำรวจความคิดเห็น ผู้บริหารบจ. พบส่วนใหญ่เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3-4% อานิสงส์ภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐ ขณะเดียวกัน ยังเกาะติดปัจจัยค่าเงินบาท ค่าแรงขั้นต่ำ และเสถียรภาพทางการเมืองหวั่นกระทบรายได้
  • สมาคมตราสารหนี้ไทย คาดการณ์ปีนี้เอกชนออกหุ้นกู้ 6.0-6.5 แสนล้านบาท เผย 3 เดือนแรก ต่างชาติลุยซื้อตราสารหนี้ไทยเพิ่ม 38,660 ล้านบาท
  • นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 ความต้องการปลูกสร้างบ้านของผู้บริโภคมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านมีการเติบโตในทุกด้าน ทั้งในแง่ของปริมาณและมูลค่าตลาด "รับสร้างบ้าน" ที่ขยายตัวสูงขึ้นมาก

*หุ้นเด่นวันนี้

  • KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 235 บาท รายงานสินเชื่อ 2M61 +1% YTD แม้แผ่วตามฤดูกาล แต่เป็นอัตราการเติบโตดีกว่ากลุ่ม จึงคาดกำไรสุทธิ Q1/61 จะกลับมาเป็นปกติที่ 1.06 หมื่นลบ. +87% Q-Q, +5% Y-Y จากค่าใช้จ่ายตั้งสำรองและค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง ราคาหุ้นลงมาแล้ว 11% จากประเด็นฟรีค่าธรรมเนียม (-15% YTD) ทำให้ Upside เปิดกว้างขึ้นเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายใหม่ที่ 235 บาท (ปรับลงจากเดิมที่ 264 บาท จากการปรับลดกำไรลง 9% เหลือ 3.7 หมื่นลบ. +8% Y-Y) ส่วนยอด Short Sales เฉลี่ยเดือนนี้ลดลงเหลือ 3 แสนหุ้นต่อวัน จากช่วงฟรีค่าธรรมเนียมที่มากถึง 8 แสนหุ้นต่อวัน เป็นไปได้ที่จะเห็นการ Cover Short ตามมา
  • PTTGC (ไอร่า) เป้า 120 บาท คาดผลงาน Q1/61 ยังคงมีกำไรแข็งแกร่ง ปัจจัยหลักมาจากกำไรที่เพิ่มขึ้นทั้งจากธุรกิจการกลั่นตามค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นจาก 1Q/60 และธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างสูงขึ้น พร้อมคาดกำไรจากสต็อกน้ำมันเล็กน้อย พร้อมคาดผลงานปี 61 จะโตต่อเนื่องจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคา HDPE ตามราคาน้ำมันดิบ โดยเมื่อราคา HDPE สูงจะส่งผลให้ margin ของผลิตภัณฑ์ HDPE สูงตามไปด้วย เนื่องจากการผลิตของ PTTGC เป็น Gas based ซึ่งจะได้เปรียบผู้ผลิตในสาย Naphtha based ในขณะที่ผลการดำเนินงานของ PTTGC มีกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ประมาณ 66% พร้อมคาดราคา HDPE ในปี 61 จะยังคงยืนเหนือ 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน
  • IHL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 13 บาท วานนี้ราคาหุ้นปรับตัวลง 11% คาดว่าจะมาจากการขายทำกำไรจากการแปลงวอแรนต์ และอีกส่วนมาจากคาดการณ์กำไรช่วง H1/61 จะยังไม่ตื่นเต้นเนื่องจากโรงงานใหม่ยังไม่เริ่มดำเนินการ อย่างไรก็ดีมองว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรงมากเกินไป หากวันนี้ราคายังลดลงอีกถือเป็นโอกาสเข้า ซื้อ เพื่อรับการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังและอีกสองปีข้างหน้า
  • SMPC (เออีซี) "ซื้อ" ปี 61 คาดกำไรเติบโต20.2%YoY จากแนวโน้มราคาขายถังแก๊สที่จะเพิ่มขึ้นตามอานิสงส์บวกของกการปรับขึ้นของราคาเหล็กบวกกับแผนขยายกำลังการผลิตจาก 8.2 ล้านใบ/ปีเป็น 10 ล้านใบ/ปี + ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 12.2% และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 5.2%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ