SENA อวดยอดขาย Q1/61 ได้ตามเป้า 3 พันลบ. แต่ Q2/61 อาจลดลงเหตุเปิดใหม่แค่ 1 โครงการ พร้อมรุกจับลูกค้าระดับกลาง-บน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 11, 2018 15:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1/61 บริษัททำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3 พันล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของก่อน โดยยอดขายที่ทำได้มาจากจากกลุ่มโครงการแนวราบที่ 175.66 ล้านบาท กลุ่มคอนโดมิเนียมที่บริษัทพัฒนาเองที่ 1.1 พันล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมจากการร่วมทุนกับทางฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอร์เรชั่น ที่มีการขายอยู่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง และโครงการ นิช ไพรด์ เตาปูน–อินเตอร์เชนจ์ รวมกันที่ 1.72 พันล้านบาท

โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดโครงการใหม่จำนวน 4 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท ภายใต้แนวคิด "Made From Her" ใส่ใจทุกดีเทลชีวิต จากแนวคิดแบบผู้หญิง ประกอบด้วย โครงการ นิช ไอดี บางแค เฟส 2 โครงการ นิช ไอดี พระราม 2 เฟส 3 โครงการ นิช ไอดี เสรีไท เฟส 2 ซึ่งทำยอดขายได้เฉลี่ย 300 ล้านบาท/โครงการ และโครงการนิช ไพรด์ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์ซึ่งทำยอดขายได้ 40%

สำหรับในช่วงไตรมาส 2/61 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 1 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ย่านติวานนท์ จำนวน 528 ยูนิต มูลค่า 1.4 พันล้านบาท ระดับราคาขายเริ่มตั้งแต่ 80,000 บาท/ตารางเมตร โดยจะเปิดพรีเซลล์ช่วงเดือนมิ.ย.นี้

ดังนั้น บริษัทคาดว่ายอดขายในไตรมาส 2/61 มีแนวโน้มที่จะลดลง เพราะมีการเปิดขายโครงการใหม่เพียง 1 โครงการ และมีระยะเวลาการขายเพียง 1 เดือน ทำให้ยอดขายในไตรมาส 2/61 จะทำได้ไม่มาก เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/61 และช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จะเห็นการเติบโตของยอดขายกลับมาโดดเด่นในไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 อีกครั้ง จากการทยอยเปิดโครงการใหม่เป็นจำนวนมาก 5-6 โครงการใหม่/ไตรมาส ซึ่งในปีนี้บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.3 หมื่นล้านบาท และยังมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้ตามเป้าที่ 1.03 หมื่นล้านบาท

ขณะที่กลยุทธ์การพัฒนาโครงการในปีนี้จะเน้นในกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนมากขึ้น เพราะเป็นลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อที่ดีอยู่ และมีภาระหนี้สินน้อย ทำให้มีความสามารถในการกู้ยืมสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ดี ซึ่งทำให้บริษัทมีความเสี่ยงด้านการโอนลดลง จากเดิมที่บริษัทเน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับล่าง ประกอบกับปัจจุบันราคาที่ดินได้ปรับตัวขึ้นสูงมาก ทำให้การพัฒนาโครงการใหม่ ๆ จำเป็นต้องขยับราคาขึ้นไปเป็นโครงการระดับราคากลาง-บน พร้อมกับการรุกกลุ่มคอนโดมิเนียมระดับ Luxury ครั้งแรกของบริษัทในทำเลย่านเอกมัย ซึ่งจับกลุ่มระดับบน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและมีโอกาสในการทำตลาดได้ค่อนข้างดี โดยโครงการระดับ Luxury ของบริษัทบนทำเลเอกมัย จะเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น พร้อมกับใช้แบรนด์ใหม่ และเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/61

"แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะดีขึ้น ทำให้การตัดสินใจซื้ออสังหาฯกลับมาเพิ่มมากขึ้น แต่ในแง่ของการกู้สินเชื่อนั้นกลุ่มคนระดับล่างยังมีปัญหาในด้านการกู้อยู่ ซึ่งเสนามีอัตราการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ระดับ 20% โดยที่เดิมเราจับกลุ่มลูกค้าระดับล่าง แต่ลูกค้าระดับล่าง 2 ปีที่ผ่านมาก็กู้ยากมากขึ้น เพราะมีภาระหนี้สินมาก อีกทั้งตอนนี้ความก้าวหน้าของวงการการเงิน ทำให้คนกู้สินเชื่อใช้ซื้อของต่างๆได้ง่ายขึ้นไปอีก ทำให้กลุ่มคนระดับล่างมีภาระหนี้สินเพิ่ม และนำเงินอนาคตไปใช้ ตอนนี้เราก็ต้องขยับมารุกตลาดกลาง-บนมากขึ้น ซึ่งเป็นตลาดที่มองว่ายังไปได้เรื่อยๆ และก็ตามราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น ทำให้การพัฒนาโครงการต้องไปอยู่ในโครงการระดับกลาง-บน"นางสาวเกษรา กล่าว

ด้านยอดโอนในช่วงไตรมาส 1/61 บริษัทคาดว่าจะใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะในช่วงไตรมาส 1/61 ยังไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่และเริ่มทยอยโอน ส่วนใหญ่จะมาจากโครงการที่ขายได้ในสต็อกและโครงการที่โอนต่อเนื่องจากไตรมาส 4/60 ซึ่งโครงการที่สร้างเสร็จใหม่ในปีนี้ส่วนใหญ่จะทยอยโอนในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 3-4 โครงการ ซึ่งคาดว่ายอดโอนจะโดดเด่นขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ และยังคงเป้าหมายยอดโอนที่รับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ที่ 5.2 พันล้านบาท ขณะที่มูลค่ายอดขายรอโอนในปัจจุบัน (Backlog) ของบริษัทอยู่ที่ 4-5 พันล้านบาท จะทยอยโอนในปีนี้ 50% ของ Backlog ทั้งหมด และส่วนที่เหลือจะทยอยโอนในปี 62

ส่วนกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนพื้นที่เช่าของโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ เสนา เฟส ได้มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่เช่าชั้น 2 และชั้น 3 ใหม่ให้มีการตอบโจทย์กับพพื้นที่ย่านเจริญนคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนอยู่อาศัยกันมาก และมีการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ขึ้นมา รวมทั้งโครงการของบริษัทในย่านเจริญนครที่เตรียมเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งบริเวณพื้นที่เช่าชั้น 2 ได้โฮมโปร เข้ามาเช่าเพื่อทำเป็น Home Pro S และพื้นที่ชั้น 3 ได้ผู้เช่าเป็น Jetts Fitness Thailand ซึ่งเป็นฟิตเนสที่เปิด 24 ชั่วโมง จากประเทศออสเตรเลีย ส่วนพื้นที่ชั้น 1 ยังคงเป็นในศูนย์ของร้านอาหารและซุปเปอร์มาร์เก็ต โดยการปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นการรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังจากมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่อยู่ทางไอคอน สยาม ที่เตรียมเปิดในปลายปีนี้ ซึ่งทำให้โครงการเสนา เฟส ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อทำให้มีความแตกต่างจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ โดยโครงการเสนา เฟส สร้างรายได้ให้กับบริษัท 100 ล้านบาท/ปี

นอกจากนี้ในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทยังได้ออกหุ้นกู้จำนวน 1.5 พันล้านบาท และได้จำหน่ายให้แก่นักลงทุนไปทั้งหมดแล้ว โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการต่ออายุหุ้นกู้เดิมจำนวน 800 ล้านบาท และนำส่วนที่เหลือมาเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ จำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.3 หมื่นล้านบาท อีกทั้งถือเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยในอนาคต และช่วยบริหารต้นทุนทางการเงินของบริษัทได้ และบริษัทยังมีวงเงินในการออกหุ้นกู้ที่ได้ขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นรวม 4 พันล้านบาท โดยในปีนี้จะไม่มีแผนการออกหุ้นกู้อีก และอาจจะออกหุ้นกู้อีกครั้งในปี 62

ส่วนการออกตั๋วสัญญาแลกเงินระยะสั้น (B/E) มองว่าปัจจุบันมีโอกาสทีจะออกได้ เพราะตลาดตั๋ว B/E เริ่มกลับมาดีขึ้นแล้ว ก็ยังมองจังหวะที่เหมาะสมหากมีความเป็นไปได้ก็อาจจะมีการออกตั๋ว B/E อายุ 3-5 เดือน เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการลงทุนระยะสั้น ซึ่งในส่วนอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) บริษัทจะรักษาให้ไม่เกิน 1.5 เท่า

ด้านธุรกิจโซลาร์ตามแผนปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายติดตั้งโซลาร์เพิ่ม 20 เมกะวัตต์ (MW) ทั้งในโครงการของเสนาและลูกค้าทั่วไปที่สนใจ ควบคู่กับการให้บริการลูกค้านอกโครงการที่สนใจติดตั้ง โดยมีแอพพลิเคชั่น SENA 360 องศา SERVICE ซึ่งเป็นระบบที่สามารถคำนวณการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจริงที่เกิดขึ้นภายในบ้านมั่นใจได้ว่าระบบดังกล่าวจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในโครงการของเสนา ในส่วนธุรกิจโซลาร์ปีนี้ทางบริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 480 ล้านบาท หรือเติบโต 72% จากปีก่อนมีรายได้ 278.4 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ