SSP เผย Q1/61 รับผลบวกโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น-ไทย COD 3 โครงการช่วยชดเชยโซลาร์ลพบุรีผลิตได้ไม่เต็มที่

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 15, 2018 12:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/61 ในภาพรวมถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยกลุ่มบริษัทมีโครงการที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มเติม คือ โครงการฮิดะกะ Solar Farm ขนาด 21 เมกะวัตต์ ที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น และโครงการ Solar Rooftop 2 แห่งในประเทศไทยกำลังการผลิตรวม 1.4 เมกะวัตต์ ทั้งสองโครงการเริ่มการดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

"รายได้ที่เข้ามาจากโครงการใหม่ดังกล่าวแม้จะเพียงช่วง 1 เดือน ก็มีส่วนช่วยชดเชยการที่ปริมาณการผลิตของโครงการเสริมสร้างโซลาร์ที่ลพบุรีลดลงกว่าไตรมาส 1 ปีก่อน อันเนื่องมาจากสภาวะอากาศในประเทศช่วงไตรมาส 1 นี้ที่มีปริมาณฝนตกเยอะกว่าปกติ"นายวรุตม์ กล่าว

อนึ่ง SSP แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/61 มีกำไรสุทธิ 106.55 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.116 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 102.38 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.148 บาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันกำลังการผลิตไฟฟ้าของ SSP ขยับเพิ่มเป็น 74.4 เมกะวัตต์ จากในปีที่ผ่านมา กำลังการผลิตอยู่ที่ 52 เมกะวัตต์ ในขณะที่หากทุกโครงการ COD แล้วเสร็จจะมีขนาดโครงการ 193.8 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 38% จากปัจจุบัน

นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าบริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน SSP กล่าวว่า บริษัทมีการปรับปรุงนโยบายที่สำคัญมากคือ ปรับโครงสร้างเงินกู้ระหว่างบริษัทภายในกลุ่มให้ยืดหยุ่นและมีระยะเวลาการชำระคืนยาวขึ้น ทำให้กำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้น (ที่เกิดจากเงินกู้ที่ให้บริษัทลูกที่บริษัทถือหุ้น 100% กู้ยืมมาจากบริษัทแม่) มาบันทึกเป็นรายการอื่นๆ ในส่วนของผู้ถือหุ้นโดยตรงอย่างที่ควรจะเป็น เหมือนกับส่วนทุน

โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯบันทึกขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเป็นค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ผ่านงบกำไรขาดทุนไปถึง 72 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21% ของกำไรที่เราทำได้ในปีที่แล้ว ทำให้แม้จะเป็นเพียงการขาดทุนทางบัญชีก็กดดันผลประกอบการเรามาก ซึ่งหลังจากปรับโครงสร้างแล้ว รายการขาดทุนนี้จะไม่มีอีกแล้ว นอกจากนั้นอีกเรื่องคือค่าเช่าที่ดินระหว่างก่อสร้างก็มีการปรับเข้าเป็นต้นทุนสินทรัพย์ด้วย

"ผมขอเน้นย้ำว่าในการพิจารณาผลประกอบการและกำหนดจำนวนเงินปันผลนั้น เราเชื่อว่ากำไรหลักจากการดำเนินการ หักรายการที่มิใช่ผลจากการดำเนินงานหลักออก เป็นดัชนีที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาผลการดำเนินการและการจ่ายปันผล"นายณัฐพรรษ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ