ทริสเรทติ้ง เพิ่มอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ SGP เป็น"BBB+"จาก"BBB" แนวโน้ม "Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 17, 2018 15:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้ง ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เป็นระดับ "BBB+" จากเดิมที่ระดับ "BBB" ในขณะเดียวกัน ยังได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทเป็นระดับ "A+" จากเดิมที่ระดับ "A" ด้วย

โดยหุ้นกู้ชุดหลังได้รับการค้ำประกันบางส่วนจาก Credit Guarantee and Investment Facility (CGIF) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ "AAA" จากทริสเรทติ้ง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการเงินของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดีติดต่อกันและงบการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น รวมไปถึงความสามารถของบริษัทในการสร้างผลกำไรแม้จะมีการเปิดรับความเสี่ยงด้านราคาที่มากสูงขึ้นก็ตาม

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดที่เข้มแข็งในประเทศไทยของบริษัทและการมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงของธุรกิจที่สูงขึ้นจากการดำเนินกิจการในต่างประเทศซึ่งทำให้บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาก๊าซ LPG (Liquefied Petroleum Gas)

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต ได้แก่ สถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งในประเทศไทย บริษัทเป็นผู้ค้าก๊าซ LPG รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดตามปริมาณการขายอยู่ที่ 24.4% ในปี 2560 ในขณะที่ผู้นำตลาดคือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 39.6% และอันดับ 3 คือ บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 20.1%

ถึงแม้ว่าความต้องการก๊าซ LPG ในประเทศไทยยังคงซบเซา แต่ทริสเรทติ้งยังเห็นว่าธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG ในประเทศนั้นยังคงเป็นแหล่งสร้างกำไรที่มั่นคงของบริษัทเนื่องจากยังมีการควบคุมราคาในตลาด อย่างไรก็ตาม กำไรของธุรกิจในประเทศบางส่วนเริ่มมีความผันผวนมากขึ้น หลังจากบริษัทได้เริ่มมีการนำเข้าก๊าซ LPG มาจำหน่ายภายในประเทศในปี 2560 จากเดิมที่เคยสั่งซื้อจากบริษัท ปตท. ทั้งหมด ทั้งนี้ ปริมาณของก๊าซ LPG ที่บริษัทนำเข้ามาจำหน่ายคิดเป็นประมาณ 40% ของยอดขายรวมภายในประเทศของบริษัทในปี 2560

โครงข่ายกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเกิดจากการมีระบบขนส่งหรือโลจิสติกส์ที่แข็งแรงซึ่งช่วยสนับสนุนกิจการค้าก๊าซของบริษัท บริษัทมีสินทรัพย์ที่สำคัญในประเทศไทย ได้แก่ คลังเก็บก๊าซ LPG ขนาดใหญ่จำนวน 8 แห่ง เครือข่ายสถานีบริการที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงรถบรรทุกและเรือบรรทุกก๊าซ LPG อีกจำนวนหนึ่ง สำหรับตลาดต่างประเทศนั้นบริษัทมีคลังเก็บก๊าซใต้ดินขนาดใหญ่ 2 แห่งในประเทศจีนซึ่งสามารถเก็บก๊าซ LPG ได้ทั้งสิ้นจำนวน 300,000 ตัน นอกจากนี้ บริษัทยังมีคลังลอยน้ำที่ประเทศสิงคโปร์และกองเรือขนส่งก๊าซ LPG เพื่อสนับสนุนการค้าก๊าซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้ค่าขนส่งของบริษัทอยู่ในระดับที่แข่งขันได้และทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงตลาดต่าง ๆ ได้มากกว่าคู่แข่ง

สัดส่วนรายได้ที่มากขึ้นจากตลาดต่างประเทศที่กำลังขยายตัว บริษัทได้ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านเพื่อที่จะหนีจากสภาวะซบเซาของตลาดภายในประเทศ ธุรกิจต่างประเทศนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจภายในประเทศ ทั้งนี้ สัดส่วนของยอดขายในต่างประเทศคิดเป็น 67.4% ของยอดขายรวมในปี 2560 ปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญเกิดจากการขยายตลาดอย่างรวดเร็วในประเทศจีนจนทำให้ประเทศจีนกลายมาเป็นตลาดหลักที่สำคัญของบริษัทในปัจจุบัน ทั้งนี้ การเติบโตของบริษัทในประเทศจีนนั้นเกิดจากการมีตำแหน่งทางการตลาดที่มั่นคงของบริษัทในฐานะที่เป็นผู้นำเข้าก๊าซ LPG รายใหญ่และการมีอุปสงค์ที่ดีในตลาด ทั้งนี้ ยอดขายในประเทศจีนคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40% ของยอดขายรวมในปี 2560 โดยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 13% ในปี 2556

ความเสี่ยงด้านราคาจากธุรกิจค้าก๊าซในต่างประเทศ ความสำเร็จของการขยายธุรกิจในต่างประเทศนั้นถูกลดทอนจากความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก ซึ่งส่งผลให้กำไรของบริษัทมีความอ่อนไหวต่อการลดลงอย่างรวดเร็วของราคาก๊าซ LPG รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างผู้ค้าก๊าซรายอื่น ๆ โดยเฉพาะในประเทศจีน

ราคาก๊าซ LPG มีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของบริษัท โดยราคาก๊าซ LPG อยู่ที่ 473 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในเดือนเมษายน 2560 เปรียบเทียบกับเฉลี่ยในช่วง 10 ปีซึ่งเท่ากับ 660ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันและราคาต่ำสุดที่ประมาณ 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ทั้งนี้ ระดับของราคาก๊าซที่ต่ำนั้นบ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่ราคาจะลดลงอย่างรวดเร็วจนทำให้บริษัทขาดทุนอย่างหนักเหมือนกับในปี 2557 นั้นมีจำกัด ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าราคาก๊าซ LPG น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับที่บริษัทสามารถบริหารจัดการได้ ทั้งนี้ การบริหารจัดการการหมุนเวียนสินค้าคงคลังที่รอบคอบเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยปกป้องบริษัทจากการเปลี่ยนแปลงของราคาก๊าซได้ส่วนหนึ่ง

สถานะทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้น บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เข้มแข็งถึง 3 ปีติดต่อกันในช่วงระหว่างปี 2558-2560 ผลการดำเนินงานที่ดีนั้นเป็นผลมาจากความผันผวนของราคาก๊าซที่ลดลงรวมถึงการฟื้นตัวของราคาก๊าซ LPG เป็นสำคัญ บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 2,100 ล้านบาทในช่วงปี 2558 และ 2559 ก่อนที่จะทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็น 4,550 ล้านบาทในปี 2560 อันเป็นผลจากราคาเฉลี่ยของก๊าซ LPG ที่เพิ่มขึ้นถึง 40% โดยประมาณในปี 2560

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทมีการปรับตัวดีขึ้น ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเงินกู้รวมของบริษัทค่อนข้างคงที่ในขณะที่บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นที่ขยายขึ้นจากผลกำไรติดต่อกันของบริษัท อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 45.6% ในไตรมาสแรกของปี 2561 จากที่เคยสูงกว่า 50% ในช่วงก่อนหน้าปี 2559 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ในช่วง 20%-40% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งแสดงถึงการมีกระแสเงินสดที่ค่อนข้างมากและเพียงพอสำหรับรองรับภาระหนี้

ภายใต้การคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทน่าจะยังแกว่งตัวอย่างมีนัยสำคัญในแต่ละไตรมาส อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาทั้งปีแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถมีเงินทุนจากการดำเนินงานเฉลี่ยที่ 2,500 ล้านบาทต่อปีและจะรักษาอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมให้สูงกว่า 20% ได้

สภาพคล่องของบริษัทยังคงมีเพียงพอ แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดในมือประมาณ 2,100 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 วงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 13,000-14,000 ล้านบาท และเงินทุนจากการดำเนินซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างน้อย 2,000 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่การใช้เงินทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประกอบด้วย การผ่อนชำระเงินกู้ระยะยาวจำนวน 740 ล้านบาท การจ่ายชำระหุ้นกู้ประมาณ 3,000 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่บริษัทวางแผนไว้อีกประมาณ 2,000 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซ LPG ในตลาดแห่งใหม่

จากเงื่อนไขข้อกำหนดของหุ้นกู้ บริษัทจะต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่ก่อให้เกิดภาระดอกเบี้ย (Interest Bearing Debt) ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไว้ไม่ให้เกินกว่า 2 เท่า โดยอัตราส่วนดังกล่าวของบริษัทอยู่ที่เพียง 0.93 เท่า ณ สิ้นปี 2560 ทั้งนี้ จากแผนการใช้เงินทุนทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถดำรงอัตราส่วนดังกล่าวให้เป็นไปตามข้อกำหนดของหุ้นกู้ได้

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้ค้าก๊าซ LPG รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศเอาไว้ได้ โดยกระแสเงินสดที่มั่นคงจากการค้าก๊าซ LPG ภายในประเทศจะช่วยลดผลกระทบจากกำไรที่ผันผวนของการดำเนินงานในต่างประเทศได้ ทริสเรทติ้งยังคาดอีกว่าบริษัทจะสามารถรักษากำไรจากธุรกิจค้าก๊าซในต่างประเทศได้ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงด้านราคามากขึ้นก็ตาม

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทมีกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น หรือหากบริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดไปจากระดับปัจจุบันอย่างมาก สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้หากบริษัทสามารถเพิ่มสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในประเทศจีนได้ หรือสามารถขยายแหล่งรายได้ที่มั่นคงได้มากยิ่งขึ้น

อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากสถานะการเงินของบริษัทถดถอยลงอย่างมากและเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจเกิดจากอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย หรืออัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมด้อยกว่าประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้ง หรือบริษัทมีการซื้อกิจการซึ่งทำให้เกิดภาระหนี้สินจำนวนมากจนส่งผลให้สถานะการเงินของบริษัทด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทสะท้อนคุณภาพเครดิตของทั้งผู้ออกหุ้นกู้และผู้ค้ำประกันคือ CGIF ซึ่งอันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพเครดิตของบริษัทหรือของผู้ค้ำประกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ