นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงดำเนินการตามหลักเกณฑ์เดิม ในการกำหนดเพดานราคาซื้อขายหลักทรัพย์สูงสุด(ซิลลิ่ง)และต่ำสุด(ฟลอร์) ตามที่คณะกรรมการของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ให้ความเห็นชอบไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ราคาหุ้นที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 0.10 บาท/หุ้น จะสามารถเคลื่อนไหวขึ้น/ลงได้ในระดับ 100% ส่วนที่ราคาหุ้นที่อยู่ในระดับที่สูงกว่า 0.10 บาท/หุ้น จะเคลื่อนไหวขึ้น/ลงได้ในระดับไม่เกิน 30% ทั้งนี้ เรื่องนี้ที่ได้เคยหารือกับสมาชิกมาแล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด อีกทั้งยังช่วยให้การซื้อขายมีความเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น
"ตลท.ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงการกำหนดซิลลิ่งและฟลอร์จากเดิมที่บอร์ดได้อนุมัติเกณฑ์และประกาศต่อสาธาณชนทราบโดยผ่านเว็บไซด์ของตลท.ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เพียงแต่เกณฑ์ดังกล่าวยังไม่เคยบังคับจริง เพราะต้องมีกระบวนการในการแก้ไขระบบคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งกำหนดใช้คงเดือนธ.ค.นี้ และการที่ภาวะตลาดหุ้นปรับลดลงในช่วงนี้จึงอาจทำให้มีการเข้าใจผิดว่าตลาดมีการปรับเกณฑ์ซิลลิ่งและฟลอร์ใหม่ และเราคงไม่มีอะไรที่จะต้องปรับกฎเกณฑ์อีกในช่วงนี้ "นายสุภกิจ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายสุภกิจ กล่าวอีกว่า ส่วนสเปรดช่วงราคาซื้อขายหลักทรัพย์ที่จะปรับลดลงมาเป็น 8 ขั้น จากเดิม 10 ขั้นนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า(2552)เนื่องจากมีขั้นตอนในการดำเนินการซับซ้อนกว่า
ในส่วนความกังวลการปล่อยมาร์จิ้นของโบรกเกอร์ในช่วงสถานการณ์เช่นนี้นั้น นายสุภกิจ กล่าวว่า ไม่อยากให้กังวล เพราะจากข้อมูลของตลาดที่มีไม่พบสิ่งผิดปกติ เพียงแต่ว่าบริษัทที่เห็นจะเป็นแบบกระจุกตัวและตัวเดิม ๆ ที่เก็งกำไรเท่านั้น ส่วนการปล่อยมาร์จินของโบรกเกอร์ก็อยู่ที่แต่ละแห่งจะดูแลกันเองกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
เท่าที่ตรวจสอบดู พบมีตัวเลขการปล่อยมาร์จิ้นเพียง 2 หมื่นล้านบาท และกระจายการปล่อยไปกว่า 30 โบรกเกอร์ และลูกค้ากว่า 4,000 ราย ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับช่วงปี 2540 ที่ปล่อยมาร์จิ้นถึง 2 แสนล้านบาท