บมจ.พรีเซียส ชิปปิ้ง (PSL) เล็งเข้าซื้อเรือมือสองในช่วงนี้เพื่อหาทดแทนเรือเก่า โดยได้ขอต่ออายุวงเงินสินเชื่อ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ คาดแนวโน้มธุรกิจเดินเรือ ใน 12-18 เดือนจากนี้จะตกต่ำ แต่บริษัทได้สัญญาเช่าเรือระยะยาวมีส่วนทำให้อัตราค่าระวางเรือยังไปได้ดี ส่วนตลาดจีนหลัง ก.ย. 51 ความต้องการขนส่งหายไป และคาดจะกลับมาฟื้นตัวในเดือนเม.ย. 52
นายคาลิด ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทมองว่ามีโอกาสที่จะสามารถหาเรือเพื่อนำมาทดแทนเรือเก่าที่อยู่ในกองเรือปัจจุบันของบริษัทฯจำนวน 25 ลำ จากจำนวนเรือที่มีทั้งหมด 44 ลำ
"เรือที่จะนำมาแทนที่เรือเก่าดังกล่าวข้างต้นนั้นจะเป็นเรือที่อายุน้อยกว่า มีเครื่องยนต์ที่ดีกว่า ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า และมีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งสามารถหาได้จากตลาดขายเรือมือสอง ในช่วง 1-2 ปีนี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่บริษัทฯได้อดทนรอเวลานี้"
นายคาลิค กล่าวว่า บริษัทสามารถนำเงินจากวงเงินสินเชื่อจำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัทมีวงเงินสินเชื่อดังกล่าวมา 2-3 ปีแล้วเพื่อวัตุประสงค์นี้ สินเชื่อนี้จะหมดอายุ ณ สิ้นปีของทุกปี และบริษัทจะต้อง ทำการต่ออายุสัญญาให้สินเชื่อจากธนาคาร
ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ดำเนินการขอต่ออายุสัญญาสินเชื่อ 2 วงเงิน และแม้ว่า ณ สถานการณ์การเงินปัจจุบัน บริษัทฯ เชื่อว่าคงจะสามารถขอต่ออายุสัญญาของสินเชื่อออกไปเป็นเวลาอีก 12 เดือน ถึง 18 เดือน ซึ่งบริษัทฯกำลังหารือเรื่องดังกล่าวกับธนาคาร
นายคาลิค คาดว่า การที่บริษัทฯ ได้ทำการผูกมัดรายได้ปัจจุบันต่อวันต่อลำเรือไว้แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงตลาดค่าระวางรายวัน จากการใช้นโยบายทำสัญญาระยะยาวในระดับอัตราค่าระวางที่สูงเหมาะสม รวมทั้งการมีงบกำไรขาดทุนแข็งแกร่ง บริษัทฯ น่าจะสามารถหลีกพ้นจากวิกฤติการณ์อันเลวร้ายที่ได้เกิดขึ้นกับการขนส่งในตลาดโลกและรอดพ้นได้อย่างปลอดภัย
PSL ประมาณการ อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยต่อวันต่อลำ ในปี 51 อยู่ที่ 16,089 เหรียญสหรัฐ จากในไตรมาส 3 มีอัตราค่าระวางเรือสูงที่ 17,611 เหรียญ/วัน/ลำ และในปี 52 ปรับลงเหลือเฉลี่ยที่ 15,502 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ รวมทั้งคาดว่าในปี 53 และ 54 จะมีอัตราค่าระวางเรือ เฉลี่ยที่ 13,113 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ และ 17,590 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ ตามลำดับ
สำหรับผลกระทบจากประเทศจีน จากข้อมูลการค้าเบื้องต้น การนำเข้าของสินแร่เหล็กของประเทศจีนจำนวน 39.2 ล้านตัน ในเดือน ก.ย.51 เพิ่มขี้น 6 ล้านตันเมื่อเทียบเป็นปีต่อปี ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ที่เห็นการนำเข้ารายเดือนมากกว่า 39 ล้านตัน แม้จะมีสินค้าค้างเป็นจำนวนมากที่ท่าเรือของจีนก็ตาม โดยปริมาณการนำเข้าจากต้นปีถึงสิ้นเดือน ก.ย.51 มีจำนวน 346.5 ล้านตัน คิดเป็น ร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 50
ถ้าคาดว่าราคาสินแร่เหล็กสำหรับสัญญาต่อจากนี้ไปจะอยู่ในระดับต่ำ ประเทศจีนก็น่ามีการนำเข้าแร่เหล็กในบริมาณที่น้อย เพื่อให้พอใช้แค่จนถึง 31 มี.ค.52 หลังจากนั้นค่อยเพิ่มการนำเข้า ถ้าภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งสถานการณ์ทางการเงิน มีแนวโน้มดีขึ้น เมื่อนั้น การการนำเข้าแร่เหล็กของประเทศจีนน่าจะเพิ่มขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 52