TASCO เผยกำไรสุทธิ Q1/58 โตกว่า 300%YoY จากปริมาณขายเพิ่ม-คุมต้นทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 27, 2015 10:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์(TASCO)เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 1/58 มีกำไรสุทธิมีจำนวน 1,126 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.73 บาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 254 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.17 บาท

แม้ว่ารายได้จากการขายและบริการ จำนวน 8,264 ล้านบาท ลดลงเกือบร้อยละ 31 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากราคาขายได้ลดลงอย่างมาก โดยเป็นไปตามการลดลงของราคาน้ำมันดิบในระหว่างไตรมาส 4/57 อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายของผลิตภัณฑ์ยางมะตอยน้ำ และยางมะตอยได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากความต้องการของตลาดส่งออกและตลาดภายในประเทศได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในไตรมาสนี้ โดยมีผลให้การดำเนินงานของกลุ่มบริษัทได้ทำอย่างเต็มกำลัง เช่น การผลิตที่โรงกลั่น การขนส่งและการบริการลูกค้า

ต้นทุนขายและบริษัทในไตรมาส 1/58 มีจำนวน 7,052 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 85.33 ของรายได้จากการขายและบริการ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 57 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 95.59 ของรายได้จากการขายและบริการ ต้นทุนขายดังกล่าวเป็นยอดต้นุทนที่ไม่ได้รวมผลกระทบจากการตั้งสำรองเผื่อลดลงในมูลค่าของสินค้าคงเหลือซึ่งมีการป้องกันการเสี่ยงจากการประกันราคาสินค้าอย่างเพียงพอแล่ว อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์ยางมะตอยสูงขึ้น ซึ่งเกิดจากความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในตลาดส่งออกและตลาดในประเทศ

อีกทั้งต้นทุนราคาน้ำมันดิบในตลาดมีความคงที่ ราคาน้ำมันดิบ Brent เริ่มอยู่ที่ราคา 58.02 เหรียญสหรัฐ ในวันแรกของการค้าขายน้ำมันดิบในตลาดของปี 58 แต่ราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในช่วง 46.59-62.53 เหรียญสหรัฐในระหว่างไตรมาส และมีราคาน้ำมันดิบ Brent ณ วันที่ 31 มี.ค.58 อยู่ที่ 55.11 เหรียญสหรัฐ โดยบริษัทมีกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงในต้นทุนน้ำมันดิบนั้นได้มีการจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นผลให้ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากการประกันราคาสินค้าลดลงอย่างมีสาระสำคัญ

เนื่องจากราคาซื้อขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอยู่ในช่วงแคบๆจึงส่งผลให้มีขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงราคาสินค้าในจำนวนที่ต่ำเป็นจำนวนเงิน 6 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงราคาสินค้าเป็นจำนวนเงิน 45 ล้านบาทในไตรมาส 1/57 นอกจากนั้น บริษัทได้บันทึกรายการกลับรายการปรับลดราคาทุนของสินค้าคงเหลือให้เป็นมูลค่าสุทธิที่จะได้รับจำนวน 366 ล้านบาท

นอกจากนี้ หนี้สงสัยจะสูญในไตรมาส 1/58 มีจำนวน 99.93 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 3.20 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน การเพิ่มขึ้นของหนี้สงสัยจะสูญส่วนใหญ่เกิดจากการเลื่อนการชำระหนี้ของลูกค้าบางรายของบริษัทย่อยในประเทศจีน

แต่อย่างไรก็ตาม การตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นไปตามนโยบายที่มีความรอบคอบของกลุ่มบริษัท โดยที่ลูกค้าที่ค้างชำระหนี้นานกว่าหนึ่งปี จะมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเต็มจำนวน จากประสบการณ์การเก็บหนี้ในอดีต กลุ่มบริษัทเชื่อว่าหนี้ที่ค้างชำระส่วนใหญ่จะได้รัยการชำระคืนภายใน 2 ปีถัดไป

กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทได้เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นจำนวน 1,345 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท จำนวน 660 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน

อัตราหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นรวมของกลุ่มบริษัท หรือ D/E Ratio ลดลงเป็น 0.97 จาก 1.47 เนื่องจากบริษัทมีวงจรเงินสดที่ดีขึ้น (การเปลี่ยนจากน้ำมันดิบเป็นเงินสด) ในไตรมาส 1/58 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (หนี้สินรวม/ส่วนของผู้ถือหุ้น) หากไม่ร่วมเงินกู้ระยะสั้นสำหรับการซื้อน้ำมันดิบจะลดลงเป็น 0.42 จาก 0.49


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ