NUSA ปรับแผนทำ"สวนสนุกเชิงวัฒนธรรม"แทน"สวนน้ำฯ"ในจ.ชลบุรี,ใช้งบราว 2.56 พันลบ.-แล้วเสร็จปลาย Q1/60

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 30, 2016 08:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ณุศาศิริ (NUSA) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ อนุมัติให้บริษัท ณุศา เลเจนด์ สยาม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่เดิมชื่อบริษัท ณุศา วอเตอร์ แลนด์ จำกัด ปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินการงานจากเดิมที่จะลงทุนทำโครงการสวนน้ำและพลาซ่า ในพื้นที่อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มาเป็นการลงทุนในโครงการ สวนสนุกเชิงวัฒนธรรม ภายใต้ชื่อ"The Legend Siam" มูลค่าการลงทุนประมาณ 2.65 พันล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายไตรมาส 1/60 ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกำไรและกระแสเงินสดกลับมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ 17 ต.ค.55 มีมติให้เข้าซื้อที่ดินบริเวณถนนสุขุมวิท ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เนื้อที่ดินขนาด 132 ไร่ 40 ตารางวา ราคา 396.30 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสวนน้ำและพลาซ่า โดยจัดตั้งบริษัทย่อย ณุศา วอเตอร์ แลนด์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ ต่อมาบริษัทได้ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ซึ่งปัจจุบันการทำสวนน้ำมีคู่แข่งขันค่อนข้างมาก และมีโครงการอื่น ๆ ที่เป็นคู่แข่งขันอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งหากต้องดำเนินการโครงการสวนน้ำและพลาซ่า จะต้องใช้เงินลงทุนที่ค่อนข้างสูง เพื่อที่จะให้ได้เปรียบคู่แข่งขัน

ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงได้อนุมัติปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนเป็นการลงทุนโครงการสวนสนุกเชิงวัฒนธรรม ภายใต้ชื่อ"The Legend Siam" ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีเนื้อที่ดินประมาณ 164 ไร่ รองรับนักท่องเที่ยวได้สูงสุด 12,000 คน/วัน โดยการลงทุนจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากบริษัทแม่ ในรูปแบบของเงินกู้ยืม และ/หรือเงินเพิ่มทุนบางส่วน

โดยการลงทุนดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจหลักของบริษัท และมูลค่าการลงทุนจะไม่เกิน 2.56 พันล้านบาท ซึ่งรวมส่วนหนึ่งของที่ดิน ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทย่อยแล้ว

โครงการ The Legend Siam มีลักษณะการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของสวนสนุกเชิงวัฒนธรรม ซึ่งมีรูปแบบของโครงการที่แตกต่างจากคู่แข่ง ภายในโครงการจะมีเครื่องเล่น และพื้นที่ให้เช่าสำหรับร้านค้าปลีกเพื่อจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง อีกทั้งยังมี Legend Mall ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินนค้าฝากขายและสินค้าที่ระลึกของโครงการ รวมถึงยังมีการแสดงแสงสีเสียงและการแสดงศิลปวัฒนธรรมของไทย ให้แก่นักท่องเที่ยวได้รับชมตลอดทั้งวัน รายได้หลักจะมาจากการจำหน่ายบัตรเพื่อเข้าชมโครงการและใช้บริการสวนสนุกเครื่องเล่นต่าง ๆ รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม รายได้จากการขายสินค้าที่ระลึก และรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในส่วนของร้านค้าปลีก

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้ในไตรมาส 4/59 และเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้ประมาณปลายไตรมาส 1/60 เป็นต้นไป ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกำไรและกระแสเงินสดกลับมายังบริษัทในระยะเวลาอันรวดเร็ว และการกระจายลงทุนสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพและช่องทางธุรกิจของบริษัทที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทและผู้ถือหุ้นในระยะยาวด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ