บมจ.คอมเซเว่น (COM7) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (30 พ.ย.) อนุมัติให้บริษัทซื้อกิจการที่เป็นทรัพย์สินของบริษัท บางกอก เทเลคอม 999 จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ (Smartphone) และแท็บเล็ต แบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ และอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม ภายใต้สโลแกน "นึกถึง Tablet นึกถึง Smartphone นึกถึงเรา BKK" รวมเป็นเงินประมาณ 184 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการโอนทรัพย์สินแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/60 ซึ่งจะช่วยหนุนเป้าหมายการขยายสาขาแตะ 500 แห่งในปี 60
ทั้งนี้ การรับโอนทรัพย์สินครั้งนี้ ได้แก่ ทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจรวมถึงสิทธิการเช่า ชื่อทางการค้า (Branding) และเครื่องตบแต่ง ตลอดจนบรรดาอุปกรณ์ที่ใช้ในร้านค้า โดยไม่รวมสินค้าคงคลังของบริษัทดังกล่าว ในราคารวมไม่เกิน 170 ล้านบาท ซึ่งราคาดังกล่าวคำนวณจากการประเมินมูลค่าแบบคิดลดกระแสเงินสด นอกจากค่าตอบแทนที่จะชำระให้แก่บางกอก เทเลคอม 999 แล้ว ในการรับโอนสิทธิการเช่าครั้งนี้ บริษัทจะต้องชำระเงินมัดจำหรือเงินประกันการเช่าพื้นที่ให้กับผู้เช่าแทนบางกอก เทเลคอม 999 ด้วย เป็นเงินรวมประมาณ 14 ล้านบาท โดยเงินลงทุนครั้งนี้จะมาจากกระแสเงินสดภายในบริษัท ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือการดำเนินงานของบริษัท
บริษัทจะเริ่มรับโอนทรัพย์สินและเข้าดำเนินกิจการภายใต้ชื่อ "BKK" ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.59 และคาดว่าจะสามารถรับโอนทรัพย์สินได้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/60 ภายหลังการเข้าซื้อทรัพย์สินของบริษัท บางกอก เทเลคอม 999 จำกัด ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบางกอกฯ และบางกอกฯ ตกลงที่จะไม่ประกอบธุรกิจภายใต้ชื่อ "BKK" และจะไม่ขยายสาขาเพิ่มเติมอีก รวมถึงจะไม่ประกอบธุรกิจที่เข้าข่ายเป็นธุรกิจแข่งขันกับบริษัท
การเข้าทำรายการครั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามนโยบายการลงทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทประกอบกิจการค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทให้สามารถขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น ด้วยเงินลงทุนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับเงินทุนที่บริษัทต้องใช้ในการเปิดร้านในสัดส่วนที่เท่ากัน และได้ขยายสาขาไปในพื้นที่ที่เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันไม่สามารถได้สิทธิการเช่าในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว เนื่องจากมีผู้เช่าเดิมเปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น จึงเป็นการเพิ่มช่องทางให้บริษัทเข้าถึงลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท
นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ COM7 กล่าวว่า BKK เป็นบริษัทจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ Smartphone และแท็บเล็ต แบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้ขายสินค้าของแบรนด์ Apple ทำให้เป็นอีกโอกาสสำคัญที่บริษัทจะเพิ่มเติมสินค้าแบรนด์ Apple เข้าไปในร้านที่บริษัทได้ทำการซื้อมา สนับสนุนยอดขายให้เติบโตขึ้นได้
"การเข้าซื้อสินทรัพย์ของ BKK ในครั้งนี้ เป็นการซื้อหน้าร้านของ BKK ที่มีศักยภาพจำนวนประมาณ 44 สาขา จากสาขาทั้งหมดของ BKK ซึ่งมีประมาณ 80 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งเราเลือกแล้วว่าเป็นสาขาที่ขายดี และอยู่ในทำเลที่อยากได้มานานแล้ว แต่ไม่สามารถหาพื้นที่ได้ เนื่องจากเป็นสาขาที่อยู่ในห้างเก่า หรือมีพื้นที่เต็มตลอด และสาขาเหล่านี้เป็นสาขาที่อยู่ในทำเลเดียวกับร้านของ COM7 ประมาณ 10 สาขา จึงทำให้ลดการแข่งขันในพื้นที่ดังกล่าวลงไปได้ และยังถือเป็นการขยายสาขาเพิ่มเติม โดยใช้เงินลงทุนที่เหมาะสม หรืออยู่ที่ประมาณสาขาละ 3 ล้านบาท จึงนับว่าคุ้มค่ามาก"นายสุระ กล่าว
นายสุระ กล่าวอีกว่า นอกจากจะได้ทำเลที่ดีแล้ว บริษัทยังเห็นยอดขายที่ได้การันตีมาแล้วในอดีต และการเข้าซื้อครั้งนี้ยังสามารถควบคุมต้นทุนการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี เพราะบริษัทซื้อแต่หน้าร้าน จึงไม่มีต้นทุนหลังบ้านของ BKK เข้ามาเพิ่มเติม
บริษัทมีร้านค้าปลีกภายใต้ชื่อ BaNANA ที่ขายสินค้า Multi Brands อยู่แล้ว แต่พื้นที่มีขนาดใหญ่ประมาณ 100 ตารางเมตรขึ้นไป จึงทำให้ต่อไป บริษัทจะนำแบรนด์ BKK สำหรับใช้ขยายสาขาในกลุ่ม Hypermarket เพราะด้วยขนาดพื้นที่ซึ่งมี ประมาณ 30-70 ตารางเมตร มีความคล่องตัว และสามารถนำไปใช้ขยายทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดได้ง่าย ในขณะที่ตามข้อตกลงกับผู้บริหาร BKK จะไม่สามารถบริหารและขยายสาขาเพิ่มเติมได้อีก โดยสาขาที่ COM7 ไม่ได้ซื้อมาจะต้องถูกปิดตัวลง รวมถึงไม่ประกอบธุรกิจที่เข้าข่ายเป็นธุรกิจแข่งขันกับบริษัท ซึ่งจะลดความเสี่ยงในอนาคต
ทั้งนี้ COM7 ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งมีสาขารวมกันมากถึง 365 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบันแบ่งเป็น Studio 7 จำนวน 93 สาขา , BaNANA จำนวน 166 สาขา , iCare จำนวน 18 สาขา พร้อมทั้งสิทธิ์การบริหาร TRUE SHOP ซึ่งปัจจุบันได้บริหารแล้วทั้งสิ้นจำนวนกว่า 44 สาขา และล่าสุด BKK ที่ซื้อเข้ามาอีกจำนวน 44 สาขา ดังนั้น บริษัทยืนยันเป้าหมายขยายสาขาต่อเนื่อง ในทำเลที่มีศักยภาพ คาดปี 60 มี สาขารวมกันแตะ 500 สาขา