บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) แจ้งว่าปัจจุบันบริษัทมีภาระหนี้ประเภทตั๋วแลกเงิน (B/E) จำนวน 2.39 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยครบกำหนดตามระยะเวลา โดยบริษัทมีความพร้อมและได้จัดเตรียมแผนสำหรับการชำระหนี้ตั๋วแลกเงินไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาชำระหนี้ตั๋วแลกเงินในครั้งนี้ มาจากสถาบันการเงินซึ่งได้อนุมัติวงเงินกู้ให้กับบริษัทจำนวนรวม 4 พันล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังได้แจ้งความคืบหน้าการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นนั้น บริษัทได้พัฒนาและก่อสร้างแล้วเสร็จเพิ่มเติมจำนวน 1 โครงการ กำลังผลิตรวม 12 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดชิมาเนะ ประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการทดสอบการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในเดือนก.พ.60 และจะส่งผลให้บริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จำหน่ายเชิงพาณิชย์และรับรู้รายได้ รวมกำลังการผลิตประมาณ 42 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการที่เหลือ บริษัทจะแจ้งความคืบหน้าตามลำดับต่อไป
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร CHOW ยืนยันว่าตั๋ว B/E ที่ออกโดยบริษัทฯ ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด โดยบริษัทฯได้เตรียมเม็ดเงินไว้สำหรับชำระคืนตั๋วบีอีที่ถึงกำหนดชำระเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในเดือนมกราคมนี้ตั๋วบีอีของบริษัทฯ มีกำหนดชำระคืน 600 ล้านบาท และบริษัทฯได้เริ่มทยอยคืนมาตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2560 จำนวน 150 ล้านบาท วันที่ 12 มกราคม 2560 จำนวน 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะครบกำหนดคืนในวันที่ 19 และ 26 มกราคม 2560 ซึ่งได้เตรียมเม็ดเงินไว้พร้อมแล้วเช่นเดียวกัน
“ผมขอยืนยันว่าตั๋ว B/E ของ CHOW ไม่มีปัญหาแน่นอน และลูกค้าทุกคนได้ทราบแล้วเป็นอย่างดี โดยก่อนจะถึงครบกำหนดชำระประมาณ 2 สัปดาห์ บริษัทฯจะติดต่อไปยังผู้ลงทุนเพื่อสอบถามความสมัครใจว่าต้องการต่ออายุหรือไม่ และถ้าต้องการรับเงินคืนบริษัทฯ ก็พร้อมชำระตามกำหนดทุกครั้งไป ไม่เคยผิดนัดชำระแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเราเชื่อว่านักลงทุนเข้าใจ เพราะที่ผ่านมา CHOW ทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา และเงินทุกบาททุกสตางค์เรานำไปขยายธุรกิจตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งต่อนักลงทุนไว้ จะเห็นได้จากธุรกิจพลังงานที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเรามีกำหนดจะขายไฟเพิ่มอีก 12 เมกะวัตต์ หลังจากที่เริ่มตอกเสาเข็มก่อสร้างไปเมื่อไตรมาส 3/2559 ที่ผ่านมา" นายอนาวิลกล่าว
นายอนาวิล กล่าวต่อถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการ ชิมาเนะ (Shimane) ขนาดกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ ในจังหวัดชิมาเนะ เกาะฮอนชู ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเพิ่มขึ้นอีก 1 โครงการ โดยมีกำหนดจะเชื่อมต่อสายส่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) กับการไฟฟ้าญี่ปุ่น ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะทำให้ CHOW มียอดขายไฟเชิงพาณิชย์แล้วถึง 42 เมกะวัตต์
“โรงไฟฟ้าชิมาเนะ เป็นโครงการที่ต่อเนื่องจากโครงการแรกที่รับรู้รายได้ไปแล้ว ทำให้ในจังหวัด ชิมาเนะ CHOW มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังผลิตรวมถึง 23 เมกะวัตต์ ถือเป็นขนาดใหญ่ที่สุดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันในปัจจุบัน และในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะมีโครงการอื่นเกิดขึ้นได้อีก เนื่องจากยังคงเหลือพื้นที่ในการติดตั้งเพิ่มได้ถึง 90%" นายอนาวิลกล่าว
ทั้งนี้ ภายในปี 2560 บริษัทฯ มีเป้าหมายจะขยายธุรกิจพลังงานอย่างเต็มกำลัง หลังจากได้รับการสนับทางการเงินเป็นอย่างดีจากธนาคารชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ที่เมื่อไตรมาสที่3/2559 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติวงเงินเพิ่มอีกจำนวน 9,880 ล้านเยน หรือ จำนวน 3,360 ล้านบาท และ 1,307 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้อย่างคล่องตัวขึ้น ประกอบกับความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่ไม่สร้างมลพิษอย่างไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดญี่ปุ่น และบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจและตลาดนี้เป็นอย่างดี โดยมีแผนว่าก่อนสิ้นปี 2560 เชาว์ กรุ๊ป จะมียอด COD รวมไม่น้อยกว่า 100 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสะท้อนรายได้จากธุรกิจพลังงานเติบโตก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ และมั่นใจว่าปี 2560 จะเป็นอีกปีที่ยอดเยี่ยมของเชาว์ กรุ๊ป