บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) เปิดเผยถึงเป้าหมายการดำเนินงานในปี 60 ว่า บริษัทคาดการณ์รายได้จากการขายและการให้บริการในปีนี้จะใกล้เคียงกับปี 59 ซึ่งการจัดทำงบการเงินรวม ต้องนำกิจการที่มีอำนาจควบคุมมารวม ประกอบด้วย รายได้หลักจากการขายและการให้บริการของกลุ่มบมจ.ไทยคม (THCOM) ในปีนี้ที่คาดว่ารายได้ส่วนนี้จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันไทยคมมีดาวเทียมแบบทั่วไปจำนวน 4 ดวงอยู่ในวงโคจร ได้แก่ ดาวเทียมไทยคม 5 ไทยคม 6 ไทยคม 7 และไทยคม 8 โดยมีจำนวนช่องสัญญาณของดาวเทียมรวม 111 ช่องสัญญาณ และมีดาวเทียมประเภทบรอดแบนด์จำนวน 1 ดวง คือ ดาวเทียมไทยคม 4
ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมของ INTUCH จะมาจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส ในสัดส่วน 40.45% โดยเอไอเอส คาดการณ์ว่ารายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่าย) เพิ่มขึ้น 4-5% จากปี 59 และเงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 4-4.5 หมื่นล้านบาท รวมถึงประมาณการอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ในช่วง 42-44% พร้อมปรับนโยบายเงินปันผลเป็นไม่น้อยกว่า 70%
นอกจากนี้ INTUCH ยังจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าตามสัดส่วนการถือหุ้น ได้แก่ แอลทีซี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้าที่ลงทุนโดยไทยคม มีรายได้และผลกำไรที่เติบโตต่อเนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เพิ่มสูงขึ้น และไฮ ช็อปปิ้ง ซึ่งได้เริ่มดำเนินธุรกิจโฮมช็อปปิ้ง เมื่อเดือนม.ค.59 ซึ่งในปีที่ผ่านมาทำรายได้กว่า 400 ล้านบาท ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 500 ล้านบาท เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลงในไตรมาส 4 แต่สำหรับในปีนี้ ไฮ ช็อปปิ้ง ได้คาดการณ์รายได้ไว้ที่ 750 ล้านบาท โดยเน้นกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างของสินค้า การเพิ่มช่องทางการขายสินค้า และการร่วมมือกับพันธมิตร โดย ไฮ ช็อปปิ้ง ตั้งเป้าหมายที่จะเป็น 1 ใน 3 ของผู้ประกอบการหลักภายในปี 61
สำหรับธุรกิจ Venture capital นั้น INTUCH ได้เข้าลงทุนในรูปแบบของคอร์ปอเรท เวนเจอร์ แคปปิตอล ภายใต้โครงการอินเว้นท์ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ในกลุ่มโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยี และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยการสนับสนุนเงินทุน และให้โอกาสผู้ประกอบการได้ทำงานร่วมกับบริษัทในกลุ่ม ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาท/ปี
ด้านผลการดำเนินงานเฉพาะบริษัทนั้น INTUCH จะมีรายได้หลักมาจากเงินปันผลของบริษัทร่วมและบริษัทย่อย โดยในปี 59 มีรายได้จากเงินปันผลที่ 1.51 หมื่นล้านบาท ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 407 ล้านบาท ในปี 60 นี้ คาดว่าค่าใช้จ่ายในการบริหารไว้ใกล้เคียงกับปี 59 โดยเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน และการหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ
ขณะที่ INTUCH มีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผล โดยพิจารณาจากกำไรสุทธิหลักหักภาษีของงบการเงินเฉพาะบริษัท โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังหักค่าใช้จ่ายในการบริหารแล้ว INTUCH นำกำไรที่เหลือนั้นมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทั้งหมด และในปี 60 คาดว่าจะยังคงดำเนินการปฏิบัติเช่นนี้ได้ต่อไป