(เพิ่มเติม) ECF ทุ่มงบกว่า 1 พันลบ.ภายใน 4 ปีเพื่อลงทุนถือหุ้น 20% ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW ในเมียนมา

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 4, 2017 11:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.อีสต์ โคสท์ เฟอร์นิ เทค (ECF) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) อนุมัติการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 เมกะวัตต์ (MW) ของบริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว จำกัด (GEP) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองมินบู รัฐมาเกวย ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยให้บริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ จำกัด (ECF-Power) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าลงทุนซื้อหุ้น GEP ในสัดส่วน 20% คิดเป็นมูลค่า 9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 310.05 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่จะจองซื้อตามสัดส่วนการถือหุ้น เมื่อมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนในอนาคต จนกว่าโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จครบ 4 เฟส จำนวน 20.22 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 696.44 ล้านบาท โดยภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้น ECF-Power มีภาระผูกพันต่อผู้ให้การสนับสนุนสินเชื่อแก่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 220 เมกะวัตต์ ในการให้การสนับสนุนส่วนขาดของเงินสด ตามสัดส่วนการถือหุ้นแต่ไม่เกิน 5.54 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 190.85 ล้านบาทด้วย

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ของ ECF กล่าวว่า การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าว ใช้เงินลงทุนรวม 1,006.49 ล้านบาท ภายใน 4 ปี ซึ่งคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนใน ECF-Power เพื่อรองรับการเข้าซื้อหุ้นของ GEP ซึ่งบริษัทจะชำระโดยใช้เงินที่ได้รับจากการวางแผนการเพิ่มทุน โดยจะขอพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) รวมถึงแนวทางการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2560 ในวันที่ 28 เม.ย.60 นี้

ทั้งนี้ การเข้าลงทุนดังกล่าวจะเป็นการซื้อหุ้น GEP จาก Noble Planet Pte. Ltd. และ Planet Energy Holdings Pte. Ltd. ซึ่งจะชำระเป็นเงินสดให้แก่ผู้ขาย ภายหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 31 พ.ค.60 มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าทำรายการซื้อหุ้น GEP ดังกล่าว และภายหลังจากที่เงื่อนไขบังคับก่อนต่าง ๆ ในร่างสัญญาการซื้อขายหุ้นได้ดำเนินการสำเร็จครบถ้วน ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถเข้าทำรายการได้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/60

GEP จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 30 เม.ย.28 มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ โดยเป็นบริษัทโฮลดิ้ง คัมปะนี ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจพัฒนาและบริหารจัดการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก โดย GEP มีบริษัทย่อย 1 แห่ง ถือหุ้น 100% คือ บริษัท จีอีพี (เมียนมาร์) จำกัด (GEP-Myanmar) เป็นบริษัทสัญชาติเมียนมา ปัจจุบันมีแผนการก่อสร้างและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังผลิต 220 เมกะวัตต์ ในเมียนมา มูลค่าลงทุน 292.62 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 10,080.76 ล้านบาท

โดยเมื่อวันที่ 20 มี.ค.59 GEP-Myanmar ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ Electric Power Generation Enterprise (EPGE) ซึ่งเป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้ Ministry of Electricity and Energy ของเมียนมา โดย EPGE จะรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการคิดเป็นอัตราการรับซื้อไฟฟ้าสูงสุดที่ 170 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โดยโครงการจะมีทั้งหมด 4 เฟส ได้แก่ เฟส 1 อัตราการรับซื้อสูงสุด 40 เมกะวัตต์ จากกำลังผลิตติดตั้ง 50 เมกะวัตต์ , เฟส 2 อัตราการรับซื้อสูงสุด 80 เมกะวัตต์ จากกำลังผลิตติดตั้ง 100 เมกะวัตต์ , เฟส 3 อัตราการรับซื้อสูงสุด 120 เมกะวัตต์ จากกำลังผลิตติดตั้ง 150 เมกะวัตต์ และเฟส 4 อัตราการรับซื้อสูงสุด 170 เมกะวัตต์ จากกำลังผลิตติดตั้ง 220 เมกะวัตต์ โดยภายหลังจากเริ่ม COD สำหรับเฟสที่ 1 แล้ว สำหรับเฟสต่อ ๆ ไป คาดว่าจะมีกำหนดระยะเวลาประมาณ 360 วัน สำหรับการเริ่มต้น COD ในเฟสต่อไป

ทั้งนี้ GEP-Myanmar คาดว่าจะเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว รวมถึงได้รับอนุมัติใบอนุญาตหนังสือรับรองต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้ได้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในไตรมาส 2/60 และสามารถเริ่มจ่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาสที่ 1/61


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ