(เพิ่มเติม) DCORP จะใช้เงินไม่เกิน 74.37 ลบ.เข้าถือหุ้น 30% ใน"บลู ฟีนิกซ์"ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น-ถ่ายทอดสดออนไลน์

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 4, 2017 14:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (DCORP) เตรียมใช้เงินไม่เกิน 74.37 ล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้น 30% ในบริษัท บลู ฟีนิกซ์ ดิจิตัล จำกัด (บลู ฟีนิกซ์) ซึ่งประกอบธุรกิจอินเตอร์เน็ต ทั้งซอฟท์แวร์ และฮาร์ดแวร์ ที่เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น การพัฒนาแอพพลิเคชั่น และเว็บไซต์ การพัฒนาระบบถ่ายทอดสดออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในราวเดือนมิ.ย.60 โดยหวังว่าการลงทุนครั้งนี้จะได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของส่วนผู้ถือหุ้น (EIRR) ประมาณ 20%

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.) อนุมัติการเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไข ระหว่างบริษัท ดีมีเตอร์ มีเดีย จำกัด (DMedia) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และบริษัท ไทยเทรดคอมมูนิเคชั่น จำกัด เพื่อกำหนดข้อตกลงและเงื่อนไขเกี่ยวกับการเข้าลงทุนในธุรกิจการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ เพื่อการทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งดำเนินการโดยบลู ฟีนิกซ์ โดยการเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม และการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบลู ฟีนิกซ์

การทำธุรกรรมจะแบ่งเป็น การเข้าซื้อหุ้นบลู ฟีนิกซ์ จากผู้ถือหุ้นเดิม ในสัดส่วน 20% คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 49.37 ล้านบาท และการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบลู ฟีนิกซ์ ที่จะดำเนินการเพิ่มทุนด้วยการออกหุ้นใหม่ 20,500 หุ้น พาร์หุ้นละ 100 บาท โดยจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนคิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 25 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมการเข้าซื้อหุ้นทั้งสองส่วนจะทำให้ DMedia เข้าถือหุ้นในบลู ฟีนิกซ์ สัดส่วน 30% โดยเงินลงทุนจะมาจากเงินกู้ยืมจากบริษัทแม่

สำหรับเงื่อนไขก่อนบังคับ จะประกอบด้วย การตรวจสอบสถานะของกิจการและทรัพย์สิน (Due Diligence) และที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบลู ฟีนิกซ์ อนุมัติการแต่งตั้งกรรมการใหม่ และแก้ไขเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการซึ่งผูกพันบลู ฟีนิกซ์ ตามที่ DMedia เสนอ

ทั้งนี้ จากการที่บริษัทเข้าตรวจสอบสถานะ และพิจารณาถึงความเป็นไปได้การลงทุนในบลู ฟีนิกซ์ โดยได้รับความเห็นจากผู้ประเมินราคาอิสระ มีความเห็นว่า บลู ฟีนิกซ์ ซึ่งดำเนินธุรกิจถ่ายทอดสดออนไลน์ (Online Live Streaming Platform) จะสามารถครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้กว่าครึ่งหนึ่งจากมูลค่าการตลาดรวมประมาณ 3.4 พันล้านบาท และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทจึงเห็นว่า การเข้าลงทุนครั้งนี้จะเป็นการนำร่องเข้าสู่ธุรกิจถ่ายทอดสดออนไลน์ และสามารถสร้างรายได้ในทันทีที่เริ่มเปิดระบบ รวมถึงเป็นการสร้างฐานไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ในอนาคต

นอกจากนี้ ระบบแอพพลิเคชั่นของบลู ฟีนิกซ์ สามารถใช้งานบนโทรศัพท์มือถือได้ทุกระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็นระบบ IOS หรือระบบ Android ตลอดจนสามารถใช้งานได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งการใช้งานในทุกระบบมีความเชื่อมต่อกันตลอดเวลา

ทั้งนี้ การพัฒนาระบบดังกล่าวในช่วงแรกแบ่งรายการ ได้แก่ ระบบแอพพลิเคชั่น Angel on Duty เป็นการดำเนินการร่วมทุนระหว่างบลู ฟีนิกซ์ กับบริษัท ทรีแดนซ์ พับบลิชชิ่ง จำกัด (Maxim Thailand) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมิ.ย.60 ซึ่งจะถ่ายทอด (Live) โดยทีม Maxim Thailand จำนวน 270 รายการ ประกอบด้วย Maxim Angles ที่มีความนิยมใน 200 อันดับแรกและกลุ่ม Attitude "Straight guys" จำนวน 70 รายการ เริ่มทดสอบระบบ (Test run) เมื่อเดือนมี.ค.60 และคาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนมิ.ย.60 โดยมีแผนที่จะประชาสัมพันธ์ผ่านทุกช่องทาง ทุกสื่อของ Maxim Thailand

ระบบ Finix TV เป็นระบบถ่ายทอดสดออนไลน์ (Online Live Streaming) สำหรับบุคคลธรรมดา ซึ่งสามารถลงทะเบียนเพื่อถ่ายทอดสดรายการของตนเองได้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมิ.ย.60 ซึ่งเป็นการถ่ายทอดสด โดยกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวน 350 ราย โดยกลุ่มผู้จัดรายการดังกล่าวมีผู้ติดตามผ่าน Social Network จำนวนมาก เช่น ติดตามผ่าน Facebook จำนวนประมาณ 6 ล้านราย ,ผ่านระบบ Instagram จำนวนประมาณ 8 ล้านราย เป็นต้น คาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนมิ.ย.60 โดยจะประชาสัมพันธ์ผ่านทุกสื่อออนไลน์ Social Media

ระบบ Social Portal Media Platform เป็นการร่วมดำเนินการระหว่างบลู ฟีนิกซ์ กับกลุ่มผู้ผลิตรายการมืออาชีพ ซึ่งเป็นระบบถ่ายทอดสดออนไลน์ โดยกลุ่มผู้ผลิตรายการมืออาชีพ จะเป็นผู้บริหารจัดการเนื้อหาของรายการ (Content) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนม.ค.61 ดำเนินการโดยใช้ Platform ลักษณะเดียวกับ Finix TV ส่วน Content มาจาก VJ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตรายการที่น่าเชื่อถือ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียด

ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจของบลู ฟีนิกซ์นั้น จะมีรายได้หลักมาจากค่าของขวัญ (Gift/item) และค่าโฆษณาจากผู้สนับสนุนในรูปแบบต่าง ๆ

นายอนิศ โอสถานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ DCORP กล่าวว่า พฤติกรรมการบริโภคสื่อของคนไทยในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนไปจากเดิม โดยหันมาเสพสื่อผ่านระบบโซเชียลมีเดียและแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ผ่านสมาร์ทโฟน และเครื่องคอมพิวเตอร์มากขึ้น เนื่องจากเป็นเครื่องมือการสื่อสาร ที่มีความคล่องตัว ทันสมัย และรวดเร็ว สามารถรับชมและเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา บริษัทจึงให้ความสนใจและศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจมีเดียในปัจจุบัน โดยใช้ประสบการณ์ในการทำธุรกิจมีเดียที่มีอยู่แล้ว จึงได้มีการตั้ง DMedia เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจมีเดีย ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่บริษัทถือหุ้น 100%

"การเข้ารุกธุรกิจแอพพลิเคชั่นมีเดียในครั้งนี้ บริษัทเห็นโอกาสที่ตลาดมีอัตราการเติบโตสูง ซึ่งตลาดปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 3.4 พัน ล้านบาท โดยการเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญและหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน บลู ฟีนิกซ์ จะเป็นการขยายฐานของรายได้และสามารถสร้างรายได้ได้ทันทีที่เริ่มเปิดใช้ระบบ ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัท เนื่องจากแอพพลิเคชั่นมีเดียที่จะเริ่มเปิดตัวในเดือนมิถุนายนนี้ ได้รับการตอบรับจากดีเจกว่า 400 คน ที่มีชื่อเสียงและเป็นเน็ตไอดอล มีผู้ติดตามผ่านโซเชี่ยลมีเดียกว่า 6 ล้านคน ทำให้บริษัทมั่นใจว่า จะสามารถดึงมาร์เก็ตแชร์ได้มากกว่า 50% หรือคิดเป็นกว่า 1.75 พันล้านบาท"นายอนิศ กล่าว

นายอนิศ กล่าวว่า ที่ปรึกษาทางการเงินให้ความเห็นว่าบลู ฟีนิกซ์ อยู่ในธุรกิจที่มีมูลค่าทางการตลาดประมาณ 3.4 พันล้านบาท และยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเข้าดำเนินการในครั้งนี้จะเป็นการนำร่องสู่การธุรกิจถ่ายทอดสดออนไลน์และสามารถสร้างรายได้ทันทีที่เริ่มเปิดระบบ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ