TNR รุกแผนขยายตลาด-ปรับขึ้นราคาสินค้าพร้อมคุมต้นทุนใน H2/60 หนุนผลงาน หลัง Q2/60 กำไรดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 10, 2017 16:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ (TNR) กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์เร่งเพิ่มยอดขายทุกช่องทาง โดยธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ที่เป็นพอร์ตรายได้หลักของบริษัท คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าในทวีปอเมริกาเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และจะเร่งเพิ่มยอดขายจากฐานลูกค้าในประเทศจีนและญี่ปุ่น ส่วนธุรกิจงานประมูล (Tender) คาดว่าจะมีการประมูลในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทมีความศักยภาพและความพร้อมในการเข้าประมูล

ขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ของบริษัท ประกอบด้วย แบรนด์ ONETOUCH (TM) คาดว่าจะมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น หลังจากปรับขึ้นราคาสินค้าในประเทศเมื่อเดือนส.ค.ผ่านมา

ส่วนในด้านการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ บริษัทให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน ทั้งการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและความเสี่ยงจากราคายางพาราที่อาจเกิดความผันผวน รวมถึงการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานและลดความสูญเสียในกระบวนการผลิต อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าราคายางพาราช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มทรงตัวหรือปรับลดลง จึงไม่น่าจะมีผลกระทบกับต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 มีกำไรสุทธิ 66.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และมีรายได้รวม 334.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ปัจจัยในการฟื้นตัวเกิดจากการดำเนินงานของธุรกิจ OEM ที่มีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในทวีปอเมริกา และตลาดในประเทศจีนเริ่มฟื้นตัวหลังจากมีคำสั่งซื้อสินค้ารุ่นพรีเมียมเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจงานประมูล (Tender) ก็เริ่มมีการเปิดประมูลจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 2/60 บริษัทได้งานประมูลผลิตถุงยางอนามัยเพิ่ม

นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หลังจากได้ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จึงไม่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2/60 ขณะเดียวกันยังได้รับผลดีในด้านต้นทุนวัตถุดิบจากราคายางพาราที่เริ่มอ่อนตัว ส่งผลดีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น

“สถานการณ์โดยรวมในไตรมาส 2/60 เริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาด OEM ในประเทศจีนและทวีปเอเชีย ส่วนตลาดในทวีปอเมริกาถือว่าเติบโตได้อย่างโดดเด่น ส่งผลดีต่อราคาขายเฉลี่ยสินค้าต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทได้ดำเนินนโยบายในการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ควบคู่กับการเร่งเพิ่มยอดขายในฐานลูกค้าเดิม ตลอดจนสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นปัจจัยภายนอก อาทิ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ราคาวัตถุดิบ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"นายอมร กล่าว


แท็ก อเมริกา  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ