ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลง 26 จุด เหตุวิตกผลประกอบการเอกชนอ่อนแอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 17, 2014 19:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดาวโจนส์ทะยานขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 3 วันทำการ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาดของบริษัทเอกชน รวมถึง กูเกิล อิงค์ และอินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ (ไอบีเอ็ม)

เมื่อเวลา 07.28 น.ตามเวลานิวยอร์กในวันนี้ ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวลง 26 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 16,305 จุด และดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 0.1% แตะที่ 1,850.5 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าอ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดาวโจนส์พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย.ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 315,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 300,000 ราย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูสถานการณ์ในยูเครน โดยล่าสุดมีรายงานว่าสหภาพยุโรป รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และยูเครน ได้เริ่มเปิดฉากเจรจาแล้วในวันนี้ ที่นครเจนีวา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์ตึงเครียดที่กำลังดำเนินอยู่ในยูเครนขณะนี้

รายงานระบุว่า นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย เดินทางถึงเจนีวาช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อเข้าร่วมเจรจาระดับสูงกับนางแคเธอรีน แอชตัน ผู้แทนระดับสูงฝ่ายกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของอียู นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ และนายแอนดรีย์ เดสชิตเซีย รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของยูเครน ซึ่งเดินทางถึงเจนีวาตั้งแต่วันพุธ

หุ้นคลาส เอ ของกูเกิล ร่วงลง 2.5% หลังจากกูเกิลรายงานว่าผลประกอบการในไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 1.22 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.23 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง

หุ้นไอบีเอ็มร่วงลง 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาสแรกปีนี้ลดลง 3.9% แตะระดับ 2.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.29 หมื่นล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 74 เซนต์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีที่แล้วที่ระดับ 48 เซนต์ต่อหุ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ