ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,836.11 จุด เพิ่มขึ้น 98.58 จุด หรือ +0.59% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,296.23 จุด เพิ่มขึ้น 44.59 จุด หรือ +1.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,940.46 จุด เพิ่มขึ้น 12.58 จุด หรือ +0.65%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากอีซีบีมีมติลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.15% จากระดับเดิมที่ 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจของยูโรโซนต้องเผชิญกับภาวะเงินฝืด
นอกจากนี้ อีซีบียังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงสู่ระดับติดลบ 0.10% จากระดับเดิมที่ 0% ส่งผลให้อีซีบีเป็นธนาคารกลางแรกในโลกที่ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ โดยนายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีกล่าวภายหลังการประชุมว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของอีซีบีช่วยหนุนดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1,941.74 จุด ก่อนที่จะปิดที่ระดับ 1,940.46 จุด และยังหนุนดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 16,845.81 จุด ก่อนที่จะปิดที่ระดับ 16,836.11 จุด
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐที่มีผลต่อความเคลื่อนไหวของตลาดนั้น กระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 พ.ค. เพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 312,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับ 310,000 ราย
หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 3% หลังจากนักวิเคราะห์ของแปซิฟิค เรท คาดว่าราคาหุ้นของทวิตเตอร์จะปรับตัวสูงขึ้นถึงระดับ 45 ดอลลาร์ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่หุ้น Amazon.com ทะยานขึ้น 5.5% และหุ้นทริปแอดไวเซอร์ และหุ้นแพนโดรา มีเดีย ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2%
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราว่างงานประจำเดือนพ.ค.ของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานจะขยับขึ้นแตะ 6.4% ในเดือนพ.ค. จากระดับต่ำสุดในรอบห้าปีครึ่งที่ 6.3% ในเดือนเม.ย.