ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,083.80 จุด ลดลง 2.83 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,472.11 จุด ลดลง 1.59 จุด หรือ -0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,987.98 จุด เพิ่มขึ้น 0.97 จุด, +0.05%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.ร่วงลง 8.1% จากเดือนพ.ค. แตะที่ 406,000 หน่วย ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 475,0000 หน่วย
ขณะที่มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐลดลงลงแตะ 56.3 ในเดือนก.ค. จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 57.3 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 49 เดือน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความผันผวนของผลประกอบการบริษัทเอกชน รวมถึงแคทเทอร์พิลลาร์ ผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการก่อสร้างรายใหญ่ระดับโลก โดยหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ร่วงลง 3.08% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดีดตัวขึ้น 0.34% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 44 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
หุ้นอเมซอน ร่วงลง 6.2% ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 5.2%
ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ที่ซบเซาลงในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ร่วงลง 12% หุ้นเมริเทจ โฮมส์ ดิ่งลง 3.9% และหุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ปรับตัวลง 4.1%
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ในยูเครนอย่างใกล้ชิด หลังจากมีรายงานว่าเครื่องบินรบยูเครน 2 ลำ ถูกยิงตกในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มกบฏควบคุมอยู่ ขณะที่