ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,067.56 จุด ลดลง 30.89 จุด หรือ -0.18% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,598.19 จุด เพิ่มขึ้น 17.92 จุด หรือ +0.39% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,002.28 จุด ลดลง 1.09 จุด หรือ -0.05%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงอันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซีย โดยมีรายงานว่ารัฐบาลยูเครนได้ออกมาเตือนถึงความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นในภาคตะวันออกของประเทศ แม้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ เดินทางเยือนประเทศในยุโรปตะวันออก เพื่อให้คำมั่นต่อประเทศในภูมิภาคทะเลบอลติก และส่งคำเตือนถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียโดยตรงเกี่ยวกับพันธกิจทางทหารที่จะส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศพันธมิตรขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้)
อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 ยังคงเคลื่อนไหวที่เหนือระดับ 2,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยข้อมูลจากบริษัทมาร์กิตแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมการผลิตของสหรัฐในเดือนส.ค.ขยายตัวเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2553 โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ แตะที่ 57.9 ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจาก 55.8 ในเดือนก.ค.
ขณะที่สถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.0 ในเดือนส.ค. จากระดับ 57.1 ในเดือนก.ค. โดยตัวเลขเดือนล่าสุดนั้นเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2554 และเป็นการขยายตัวเดือนที่ 15 ติดต่อกัน
หุ้นนิวฟิลด์ เอ็กพลอเรชัน ซึ่งเป็นบริษัทพลังงาน ร่วงลง 2.1% ขณะที่หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส และหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลนส์ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 2.8%
หุ้นโฮม ดีโปท์ ดิ่งลง 2% ขณะที่หุ้นสเทเพิลส์ พุ่งขึ้น 8.1% หลังจากเครดิตสวิสปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว