ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 24.34 จุด หรือ 0.14% แตะที่ 17,006.80 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.25 จุด หรือ 0.11% แตะที่ 1,981.88 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 10.85 จุด หรือ 0.24% แตะที่ 4,508.05 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทรงตัวในเดือนส.ค. ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% เนื่องจากราคาสินค้าหน้าโรงงานปรับตัวลดลงอย่างมาก
รายงานของกระทรวงระบุว่า ราคาสินค้าที่หน้าโรงงานร่วงลง 1.4% เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลง หลังจากที่ตัวเลขดังกล่าวร่วงลง 2.1% ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนราคาอาหารปรับตัวลง 0.5% ในเดือนส.ค. หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค.
เจย์ มอร์ล็อค นักวิเคราะห์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียลกล่าวว่า "ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น การที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐลดน้อยลงได้ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีเวลามากพอที่จะพิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้นโยบายการเงิน ก่อนที่จะเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย"
นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายพร้อมกับจับตาดูการประชุมระยะเวลา 2 วันของซึ่งเริ่มขึ้นในวันนี้และเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยมีกระแสคาดการณ์ในตลาดการเงินว่า เฟดอาจส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่รวดเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ส่วนความเคลื่อนไหวในภาคเอกชนนั้น บริษัทอาลีบาบา ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน ได้ปรับเพิ่มช่วงราคาหุ้น IPO เป็น 66-68 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากก่อนหน้านี้ที่ระดับ 60-66 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งการปรับเพิ่มช่วงราคาดังกล่าว จะทำให้อาลีบาบาสามารถระดมทุนได้สูงสุดถึง 2.18 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่านการออกหุ้น IPO ซึ่งสูงกว่าสถิติสูงสุดที่บริษัทวีซ่าเคยทำไว้ที่ 1.97 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2551 นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ในวันพรุ่งนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย หลังจากดัชนี CPI เดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 0.1% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์