ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,991.91 จุด ลดลง 17.78 จุด หรือ -0.10% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,454.80 จุด ลดลง 20.82 จุด หรือ -0.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,964.82 จุด ลดลง 3.08 จุด หรือ -0.16%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสัญญาณบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 248,000 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 215,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีที่ 5.9%
อย่างไรก็ตาม ตลาดอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อวันศุกร์ อันเนื่องมาจากความแข็งแกร่งของตัวเลขจ้างงาน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ดพุ่งขึ้น 4.74% หลังบริษัทเปิดเผยว่าจะแยกธุรกิจออกเป็น 2 บริษัท โดยจะแยกธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล(พีซี) และพรินเตอร์ ออกจากธุรกิจฮาร์ดแวร์และบริการ ส่วนหุ้นแคร์ฟิวชัน คอร์ปทะยานขึ้น 23% เนื่องจากเบคตัน, ดิกคินสัน แอนด์ โค ตกลงที่จะซื้อกิจการของบริษัทเป็นมูลค่า 1.22 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นฮิลตัน เวิล์ดไวด์ โฮลดิงส์ ปรับตัวลง 0.45% หลังจากบริษัทประกาศการทำข้อตกลงกับบริษัทอันปัง อินชัวรันซ์ กรุ๊ป เพื่อขายโรงแรมวอลดอร์ด แอสโทเรีย นิวยอร์ก ให้กับอันปัง อินชัวรันซ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันของจีน
หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 4% หลังจากบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยว่าจะสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์มูลค่า 15.6 ล้านล้านวอน (1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเกาหลีใต้ เพื่อตอบสนองความต้องการชิปอุปกรณ์เคลื่อนที่ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก
นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ซึ่งจะเปิดเผยในเช้าวันพฤหัสบดี ตามเวลาประเทศไทย รวมทั้งการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเอกชนของสหรัฐ โดยอัลโค อิง ซึ่งเป็นบริษัทอลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ จะประเดิมเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 เป็นรายแรกในวันพุธนี้ ส่วนบริษัทอื่นๆที่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ รวมถึง Yum! Brands และ PepsiCo