ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,647.75 จุด เพิ่มขึ้น 13.01 จุด หรือ +0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,671.00 จุด ลดลง 17.54 จุด หรือ -0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,041.32 จุด เพิ่มขึ้น 1.50 จุด หรือ +0.07%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดอ่อนแรงลงหลังจากสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของญี่ปุ่นในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ หดตัวลง 1.6% ซึ่งสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจจะมีการขยายตัว
ข้อมูลจีดีพีล่าสุดในไตรมาส 3 เป็นการหดตัวลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้เข้าสู่ภาวะถดถอยในทางเทคนิคแล้ว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ลดลง 0.1% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของภาคเหมืองแร่และภาคสาธารณูปโภค
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์พลิกกลับมาปิดในแดนบวก หลังจากนายดรากิ ประธานอีซีบีกล่าวว่า อีซีบีเปิดกว้างสำหรับโครงการซื้อพันธบัตรของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน
หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ พุ่งขึ้น 8.9% หลังจากบริษัทประกาศทำข้อตกลงขายกิจการให้กับฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งเป็นบริษัทขุดเจาะน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐ เป็นเงินมูลค่า 3.46 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 10.62%
ส่วนหุ้นกลุมอื่นๆที่ปรับตัวขึ้นนั้น รวมถึงหุ้นธุรกิจเพื่อสุขภาพ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค