หลากปัจจัยรุมถล่มวอลล์สตรีท ล่าสุดดาวโจนส์ดิ่งกว่า 200 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 14, 2015 23:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ จากการที่นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก และจากการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่เจพี มอร์แกนรายงานผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดการณ์

นอกจากนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลงได้เป็นปัจจัยลบกดดันตลาดด้วย

ณ เวลา 23.17 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลง 235.01 จุด หรือ 1.35% แตะ 17,378.80 จุด

ธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ และได้ลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีที่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเผชิญอุปสรรคต่างๆที่สกัดผลบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง

ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (Global Economic Prospects) ครั้งล่าสุดนั้น ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ จะอยู่ที่ 3% ซึ่งลดลง 0.4% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมิ.ย. ส่วนอัตราการขยายตัวในปีที่แล้ว มีการประเมินไว้ที่ 2.6%

นายไอฮาน โคเซ ผู้อำนวยการฝ่ายแนวโน้มการพัฒนาของธนาคารโลกระบุว่า เศรษฐกิจโลกในปีที่แล้วขยายตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจในหลายประเทศมีการขยายตัวที่น่าผิดหวัง เช่น กลุ่มสหภาพยุโรป (อียู), ญี่ปุ่น, ละตินอเมริกา และประเทศตลาดเกิดใหม่ในยุโรป โดยเฉพาะรัสเซีย

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกทั่วไปร่วงลง 0.9% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมภาคยานยนต์, น้ำมันเบนซิน, วัสดุก่อสร้าง และบริการด้านอาหาร ลดลง 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดค้าปลีกพื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค.

ตัวเลขยอดค้าปลีกพื้นฐานเป็นตัวสะท้อนอย่างดีที่สุดสำหรับหมวดการใช้จ่ายของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังทบทวนปรับลดยอดค้าปลีกในเดือนพ.ย.เป็นเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% จากเดิมที่ระบุว่าเพิ่มขึ้น 0.7%

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าดิ่งลง 2.5% ในเดือนธ.ค. จากราคาพลังงานที่ทรุดตัวลง โดยเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2008 ขณะที่เดือนพ.ย.ร่วงลง 1.8%

ตัวเลขดัชนีราคานำเข้าที่อ่อนแอบ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกลดลง 1.2% ในเดือนธ.ค.

เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมือพิจารณาจากสินทรัพย์ รายงานวันนี้ว่า ทางธนาคารมีกำไรลดลง 6.6% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ขณะที่ทางธนาคารมีค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์จากการที่รัฐบาลสหรัฐเข้าตรวจสอบกรณีที่ทางธนาคารทำผิดกฎระเบียบ นอกจากนี้ เจพี มอร์แกนยังต้องกันสำรองหนี้เสียเป็นจำนวนเงินสูงขึ้นด้วย

เจพี มอร์แกน เปิดเผยว่า กำไรลดลงสู่ระดับ 4.93 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.19 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในไตรมาส 4 จาก 5.28 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.30 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ขณะที่รายได้รวมดิ่งลง 3% สู่ระดับ 2.25 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 2.32 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า เจพี มอร์แกนจะมีกำไรที่ระดับ 1.31 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส 4


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ