ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 141.38 จุด หรือ 0.79% ปิดที่ 17,672.60 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 11.33 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 2,051.82 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 7.48 หรือ 0.16% ปิดที่ 4,757.88 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง หลังข้อมูลล่าสุดจากธอมสัน รอยเตอร์ บ่งชี้ว่า กลุ่มบริษัทจดทะเบียนซึ่งคำนวณในดัชนี S&P 500 จะมีรายได้ต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 3.5% ในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่คาดว่ารายได้รวมจะขยายตัว 0.6%
แต่อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับปัจจัยหนุนเล็กน้อยจากผลสำรวจของมาร์กิตที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐแทบไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนม.ค. โดยอยู่ที่ระดับ 53.7 จาก 53.9 ในเดือนธ.ค.
ดัชนี PMI ที่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว
การทรงตัวของดัชนี PMI ในเดือนม.ค.ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของการผลิต ขณะที่ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงช่วยลดต้นทุนการผลิต
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 วันติดต่อกันในช่วงก่อนหน้านี้ ขานรับการประกาศประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของอีซีบี ด้วยการซื้อพันธบัตรจำนวน 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน จนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า โดยเริ่มต้นในเดือนมี.ค. ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่าระดับ 5 หมื่นล้านยูโรที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หุ้นยูพีเอสปรับตัวลดลง 9.9% หลังจากเปิดเผยรายได้ปี 2557 ที่ต่ำกว่าตัวเลขประเมินในช่วงก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลว่า แผนการขยายบริการส่งสินค้าที่ท่วมท้นในช่วงเทศกาลวันหยุดส่งผลให้บริษัทไม่สามารถใช้ประโยชน์ทรัพย์สินได้เต็มประสิทธิภาพในช่วงอื่นๆ
หุ้นคิมเบอร์รี คล้าก ลดลง 6.2% หลังบริษัทปรับลดแนวโน้มรายได้ตลอดทั้งปีลง อันเนื่องมาจากผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน สำนักข่าวซินหัวรายงาน