ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 59.66 จุด หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 15, 2015 07:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น รวมถึงผลประกอบการไตรมาสแรกของบางบริษัทที่ออกมาสดใส

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 59.66 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 18,036.70 จุด ดัชนี S&P500 ขยับขึ้น 3.41 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 2,095.84 จุด ดัชนี NASDAQ ลดลง 10.96 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 4,977.29 จุด

ดัชนีหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวผันผวนระหว่างแดนบวกและแดนลบในระหว่างวัน ขณะที่บริษัทใหญ่ๆรายงานผลประกอบการซึ่งมีทั้งที่น่าพอใจและน่าผิดหวัง

ตลาดจับตาการรายงายผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทใหญ่ๆ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการเงิน โดยก่อนตลาดเปิดทำการ ทั้งเจพีมอร์แกน เชส และเวลส์ ฟาร์โก ได้รายงานผลประกอบการ ซึ่งออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

หุ้นเจพีมอร์แกนพุ่ง 1.56% หลังจากเผยกำไรสุทธิไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นแตะ 5.914 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.45 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 1.40 ดอลลาร์ต่อหุ้น

ด้านเวลส์ ฟาร์โก ธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ เผยกำไร 1.04 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าระดับ 1.05 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสแรกของปี 2557 แต่ยังสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด สำหรับรายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 0.73% หลังจากการรายงานผลประกอบการ

ขณะที่หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน รายงานยอดขาย 1.74 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลง 4.1% จากไตรมาสแรกของปี 2557 เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ขยับลงเล็กน้อย 0.03%

ข้อมูลล่าสุดจากทอมสัน รอยเตอร์ แสดงให้เห็นว่า ผลกำไรในไตรมาสแรกมีแนวโน้มว่าจะลดลง 2.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่คาดว่ารายได้จะลดลง 2.8% อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน คาดว่าผลกำไรจะขยายตัว 5.6% และรายได้เพิ่มขึ้น 2.9%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.9% จากเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.1% อยู่เล็กน้อย

คริส โลว์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล กล่าวว่า โดยปกติแล้ว ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น 0.9% ถือได้ว่าแข็งแกร่ง แต่ไม่ใช่ในเวลานี้ เพราะการปรับตัวขึ้นดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะช่วยหนุนยอดค้าปลีกที่อ่อนแรงลงในช่วงที่ผ่านมา ยอดค้าปลีกอ่อนแอมากในไตรมาสแรก โดยลดลงถึง 0.5%

ขณะที่กระทรวงแรงงานเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และหยุดสถิติการปรับตัวลดลง 4 เดือนติดต่อกัน

หุ้นกลุ่มพลังงานบวก 1.8% และเป็นปัจจัยหนุนตลาด หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 4 วันทำการติดต่อกัน โดยราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแล้ว 12% ในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม ราคายังต่ำกว่าปีก่อนอยู่ถึง 48%

หุ้นเชฟรอนพุ่ง 2.2% และเป็นแกนนำที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ให้ดีดตัวขึ้นปิดแดนบวก

อย่างไรก็ดี วอลุมซื้อขายยังค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนรอดูรายงานผลประกอบการจากอีกหลายบริษัทซึ่งจะทยอยเปิดเผยในสัปดาห์ต่อๆไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ