ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดร่วง 56.49 จุด เหตุวิตกปัญหาหนี้กรีซ

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday May 30, 2015 05:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (29 พ.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 56.49 จุด หรือ 0.80% ปิดที่ 6,984.43 จุด ส่งผลให้ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีลดลง 0.7%

ในบรรดาหุ้นที่ร่วงหนักสุดได้แก่ แอชทีด กรุ๊ป ร่วง 3.53% ตามด้วยหุ้นมอร์ริสัน ผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ต ร่วง 3.39% แอสตร้าเซนเนก้าลดลง 2.66% และอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดเต็ด แอร์ไลน์ ลดลง 2.64% แม้รัฐสภาไอร์แลนด์อนุมัติแผนของบริษัทที่จะเข้าเทคโอเวอร์แอร์ ลิงกัส ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศไอร์แลนด์ก็ตาม

ด้านหุ้นบวกนำโดย แอสโซสิเอเต็ด บริติช ฟูดส์ เพิ่มขึ้น 2.64% หลังจากที่โกลด์แมน แซคส์ ปรับคำแนะนำหุ้นจาก "ขาย" เป็น "ซื้อ" ตามด้วยบริษัทเหมืองแร่ เฟรสนิลโล บวก 2.57% หลังปรับตัวลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นเวียร์ กรุ๊ป ผู้ผลิตปั๊ม บวก 2.43% จากข่าวดีเกี่ยวกับบรรดาผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดาน (Shale Gas) ในอเมริกาเหนือ ประกอบกับได้รับการอัพเกรดหุ้นจากเครดิตสวิส

ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับความสามารถของกรีซในการชำระหนี้ โดยวานนี้มีรายงานข่าวว่าธนาคารรายใหญ่ 2 แห่งของกรีซต้องพึ่งพาการระดมทุนจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศได้ส่งผลให้กระแสเงินฝากไหลออกอย่างต่อเนื่อง

ธนาคารรายใหญ่ 2 แห่งดังกล่าว ก็คือ เนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของกรีซเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ และอัลฟา แบงก์

ทั้งนี้ ธนาคารของกรีซได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการเงินที่ยืดเยื้อของประเทศ รวมทั้งเผชิญแรงกดดันจากหนี้เสียที่พุ่งขึ้นและฐานเงินฝากที่หดตัวลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ฝากเงินมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบธนาคาร จึงได้ถอนเงินจากบัญชี หรือนำเงินไปไว้ในต่างประเทศแทน

ข่าวดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลจากธนาคารกลางยุโรปที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ปริมาณเงินฝากในธนาคารของกรีซได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ขณะที่ชาวกรีซพากันแห่ถอนเงินฝาก หลังมีความวิตกต่อความคืบหน้าที่ล่าช้าในการเจรจาแก้ไขวิกฤติหนี้ระหว่างรัฐบาลและประเทศเจ้าหนี้

ECB ระบุว่า ชาวกรีซได้พากันถอนเงินจากธนาคารมากกว่า 5 พันล้านยูโร (5.5 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนเม.ย. ส่งผลให้ปริมาณเงินฝากของภาคครัวเรือน ณ สิ้นเดือนเม.ย.อยู่ที่ระดับ 1.394 แสนล้านยูโร (1.519 แสนล้านดอลลาร์) ลดลงจากระดับ 1.45 แสนล้านยูโรในเดือนมี.ค.

ตัวเลขเงินฝากในเดือนเม.ย.ถือเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2004 ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ 1.372 แสนล้านยูโร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ