ณ เวลา 20.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กอยู่ที่ 18,062.60 จุด ลดลง 59.93 จุด หรือ 0.34%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันและอาหารที่ทะยานขึ้น
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2014
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 9.8% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.17 ล้านยูนิต
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะแตะระดับ 1.11 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย.
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการในสภาคองเกรสในวันพุธและพฤหัสบดี โดยย้ำว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ และอัตราว่างงานจะค่อยๆลดลง
นางเยลเลนระบุว่า ราคาน้ำมันที่ระดับต่ำ และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นจะยังคงช่วยหนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่ภาวะทางการเงินยังคงสนับสนุนการขยายตัว
นอกจากนี้ การใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากในประเทศอื่นๆจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ประธานเฟดกล่าวว่า ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวต่อไป
นางเยลเลนเสริมว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ จะค่อยๆเลือนหายไปเมื่อเวลาผ่านไป โดยปัจจัยดังกล่าวได้แก่ การแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะกระทบต่อตัวเลขนำเข้าสุทธิของสหรัฐ และราคาน้ำมันที่ระดับต่ำจะกระทบต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมัน
นางเยลเลนย้ำว่า เฟดมองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีความเหมาะสมก่อนสิ้นปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง