ณ เวลา 20.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กอยู่ที่ 17,664.91 จุด ลบ 22.92 จุด หรือ 0.13%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานวันนี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนมิ.ย. โดยเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 4 เดือน และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลงในช่วงท้ายไตรมาส 2
ตัวเลขการใช้จ่ายในเดือนมิ.ย.ได้รับผลกระทบจากความต้องการที่ลดลงสำหรับรถยนต์
ขณะเดียวกัน กระทรวงได้ปรับตัวเลขการใช้จ่ายในเดือนพ.ค. เป็นเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 0.9%
ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ หลังการเปิดเผยภาคการผลิตที่อ่อนแอของจีน ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความวิตกกังวลต่ออุปสงค์น้ำมัน
ณ เวลา 19.23 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 73 เซนต์ หรือ 1.55% สู่ระดับ 46.42 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากแตะ 46.35 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนที่จัดทำร่วมกับไคซิน ร่วงลงแตะ 47.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี จาก 49.4 ในเดือนมิ.ย. และเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
ข้อมูลเดือนก.ค.ส่งสัญญาณว่าภาคการผลิตจีนปรับตัวย่ำแย่ในช่วงเริ่มต้นไตรมาส 3 ขณะที่คำสั่งซื้อสินค้าส่งออกล็อตใหม่ที่ร่วงลงอีกครั้งส่งผลให้บรรดาผู้ผลิตปรับลดการผลิตลงในอัตราที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2011
นอกจากนี้ การที่นายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยืนยันว่า โอเปกจะไม่ลดกำลังการผลิต แม้ขณะที่โลกกำลังเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาด ก็เป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันเช่นกัน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้ดิ่งลงเกือบ 20% แล้วในไตรมาส 3 ซึ่งจะทำให้ไตรมาส 3 ปีนี้มีแนวโน้มเป็นไตรมาส 3 ที่ราคาน้ำมันทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008