ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 4.19 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 359 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 48.62 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 4,598.26 จุด ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี พุ่งขึ้น 162.75 จุด หรือ 1.61% ปิดที่ 10,271.36 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน บวก 71.58 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 6,146.10 จุด
สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า ตัวเลขเกินดุลการค้าของเยอรมนีพุ่งแตะ 2.5 หมื่นล้านยูโรในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
การเกินดุลการค้าดังกล่าวได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของยูโร ซึ่งช่วยหนุนการส่งออกนอกยูโรโซน โดยเฉพาะสหรัฐ
สำนักงานสถิติระบุว่า การส่งออกพุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนก.ค. แตะ 1.034 แสนล้านยูโร ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.2% สู่ระดับ 8.06 หมื่นล้านยูโร
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท ได้ปรับเพิ่มตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในช่วงครึ่งปีแรก โดยปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.1% สำหรับไตรมาส 1 และไตรมาส 2 สู่ระดับ 0.5% และ 0.4% ตามลำดับ
การปรับตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีนี้มีการขยายตัวสูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2554 และยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ในกรีซได้
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ชี้ว่า ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจยังคงมีอยู่ แต่ตลาดมองว่ารัฐบาลจีนน่าจะออกมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม ซึ่งช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนลงได้บ้าง โดยตลาดหุ้นจีนปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการในวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากมีข่าวว่ากองทุนของรัฐบาลได้เข้าช้อนซื้อหุ้น ภายหลังทางการจีนเผยยอดส่งออกและนำเข้าอ่อนแอ
สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยวานนี้ว่า การค้าต่างประเทศของจีนในเดือนส.ค.ปรับตัวลง 9.7% เมื่อเทียบรายปี โดยการส่งออกลดลง 6.1% และการนำเข้าร่วงลง 14.3%
หุ้นทั้ง 19 กลุ่มในตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่มยานยนต์และเหมืองแร่ เดมเลอร์ บีเอ็มดับเบิลยู และโฟล์คสวาเกน บวกกว่า 2.5% หุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 2.6% หลังบริษัทให้มุมมองบวกเกี่ยวกับอุปสงค์เหล็กและทองแดงจากจีน
หุ้นคอมเมิร์ซ แบงก์ พุ่ง 6.8% หลังเจพี มอร์แกน อัพเกรดหุ้นเป็น overweight จาก neutral