ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 57.51 จุด หรือ 0.95% ที่ 6,129.98 จุด ขณะตลอดสัปดาห์ ดัชนีปรับตัวขึ้น 0.3%
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นอังกฤษร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 6,051.62 ในระหว่างวัน หลังจากที่สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตรต่ำกว่าคาดในเดือนก.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นข้อมูลที่น่าผิดหวังมาก
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2008
ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนอัตราการว่างงาน คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.1%
อย่างไรก็ดี ตลาดดีดตัวและพลิกกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวก เพราะนักลงทุนมองว่าข้อมูลแรงงานที่อ่อนแออาจจะทำให้เฟดชะลอการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า และหนุนให้หุ้นกลุ่มเหมืองปรับตัวขึ้นคึกคัก
หุ้นเฟรสนิลโลพุ่ง 4.80% เป็นแกนนำหุ้นบวก ตามด้วยเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 4.37% แรนโกลด์ เพิ่มขึ้น 4.22% และริโอ ทินโต บวก 0.99%
ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่ง 2.92% ลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป บวก 1.77% บาร์เคลย์ บวก 0.6% และรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ เพิ่มขึ้น 0.5% หลังมีข่าวว่าหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินและการธนาคารของอังกฤษเสนอให้มีการกำหนดเส้นตายสำหรับผู้บริโภคในการขอค่าชดเชยเงินประกันคุ้มครองการชำระเงิน (Payment Protection Insurance: PPI)
ในส่วนของหุ้นลบนั้น หุ้นบริษัทตรวจสอบและรายงานสินเชื่อ เอ็กซ์พีเรียน ร่วง 3.8% หลังถูกแฮกเกอร์เจาะระบบและขโมยข้อมูลของลูกค้ากว่า 15 ล้านราย โดยข้อมูลดังกล่าวเกี่ยวข้องกับลูกค้าของค่ายมือถือ ที-โมบาย ซึ่งมีรายงานว่า ที-โมบาย โกรธมากเกี่ยวกับเรื่องนี้และกำลังพิจารณาทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างสองบริษัท