ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวกเพียง 13.76 จุด หลัง IMF ลดคาดการณ์ศก.โลก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 7, 2015 06:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) โดยภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ และข้อมูลที่บ่งชี้ว่ายอดขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนทุบขายหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,790.19 จุด เพิ่มขึ้น 13.76 จุด หรือ +0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,979.92 จุด ลดลง 7.13 จุด หรือ -0.36% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,748.36 จุด ลดลง 32.90 จุด หรือ -0.69%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจาก IMF เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) เมื่อวานนี้ โดยได้ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 3.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2009 โดยลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.3% และต่ำกว่าการขยายตัวในปีที่แล้วที่ 3.4% ทั้งนี้ IMF ระบุว่าการร่วงลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความผันผวนในตลาดการเงิน ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อตลาดโลก ขณะที่ความเสี่ยงในช่วงขาลงได้ปรากฎเด่นชัดขึ้นมากกว่าในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าสู่ระดับ 3.6% โดยลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.8% ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันมากขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานวันนี้ว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 15.6% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 4.833 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดิ่งลง และการขยายตัวที่ซบเซาในต่างประเทศ นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ ซึ่งได้ฉุดดัชนี S&P500 และ NASDAQ ปิดตลาดร่วงลงด้วย โดยหุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วงลงนับตั้งแต่นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครทที่ระบุว่า บริษัทเวชภัณฑ์มีการกำหนดราคาที่สูงเกินไป พร้อมกับให้คำมั่นว่า จะปรับลดต้นทุนราคายา หากเธอได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ หุ้นไบโอเจน อิงค์ หุ้นเซลจีน คอร์ป และหุ้นเวอร์เท็กซ์ ฟาร์มาซูติคอล ต่างก็ร่วงลงกว่า 3.6% ขณะที่หุ้นไฟเซอร์ ดิ่งลง 2.1%

อย่างไรก็ตาม หุ้นเป๊ปซี่โค ดีดตัวขึ้น 1.32% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรในไตรมาส 3 ลดลง แต่ก็ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ เป๊ปซี่โค เปิดเผยว่า บริษัทมีผลกำไร 533 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 หรือ 36 เซนต์ต่อหุ้น เทียบกับ 2.01 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.38 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขเป้าหมายกำไรในปีนี้ โดยอ้างอิงจากผลประกอบการตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ และแนวโน้มจนถึงสิ้นปีนี้

หุ้นดูปองท์ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ ทะยานขึ้น 7.66% หลังจากนายเอลเลน คัลแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดูปองท์ประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งในเดือนนี้

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 3.5% และหุ้นทรานส์โอเชียน ปรับขึ้น 7.2% โดยหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ลดลงจะช่วยให้ภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดนั้น คลี่คลายลงด้วย

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอัลโค อิงค์ พุ่งขึ้น 5.5% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 5.8% หลังจากมีรายงานว่าทางบริษัทเตรียมแยกธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงสินเชื่อผู้บริโภคเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 16-17 ก.ย. , ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. และต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ