นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุน (BOJ) ประกาศใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ณ เวลา 00.16 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 16,325.22 จุด เพิ่มขึ้น 256.92 จุด หรือ 1.61%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้
ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ในรอบ 7 วันทำการ และสามารถปรับตัวเป็นบวกเมื่อพิจารณาทั้งสัปดาห์นี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจีดีพีเบื้องต้นสำหรับไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ขยายตัวเพียง 0.7% โดยลดลงจาก 2.0% ในไตรมาส 3 และต่ำกว่าระดับ 3.9% ในไตรมาส 2
การชะลอตัวของจีดีพีดังกล่าวมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากการดิ่งลงของการส่งออก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอุปสงค์โลกที่อ่อนแอ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงได้กดดันการลงทุนของบริษัทในภาคพลังงาน ขณะที่สภาพอากาศที่อบอุ่นในฤดูหนาวส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ส่วนในปี 2015 เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.4% หลังจากมีการขยายตัวที่อัตราเดียวกันในปี 2014
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวันพุธให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์กันไว้ หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนที่แล้วเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2006
ทั้งนี้ เฟดได้แสดงความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับภาวะผันผวนในตลาดการเงิน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ
แถลงการณ์เฟดระบุว่า เฟดกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดต่อภาวะเศรษฐกิจโลก และตลาดการเงิน โดยกำลังทำการประเมินผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อ
BOJ มีมติให้ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในวันนี้ ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ BOJ หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ BOJ ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ BOJ มีขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ BOJ
ทั้งนี้ BOJ จะเรียกเก็บดอกเบี้ยที่อัตรา -0.1% สำหรับเม็ดเงินที่สถาบันการเงินต่างๆนำมาสำรองฝากไวักับ BOJ โดยเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของ BOJ ลงมติด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 4 ในการตัดสินใจใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบดังกล่าว
ขณะเดียวกัน BOJ ยังให้คำมั่นที่จะเพิ่มฐานเงินที่อัตรา 80 ล้านล้านเยนต่อปี