ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 77.79 จุด เหตุราคาน้ำมันร่วงฉุดหุ้นพลังงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 26, 2016 06:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 2% ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 26-27 ก.ค.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,493.06 จุด ลดลง 77.79 จุด หรือ -0.42% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,097.63 จุด ลดลง 2.53 จุด หรือ -0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,168.48 จุด ลดลง 6.55 จุด หรือ -0.30%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงตั้งแต่เปิดทำการซื้อขาย กระทั่งปิดตลาดในแดนลบ โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลง 2.4% เมื่อคืนนี้ หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ และธนาคารบาร์เคลย์สระบุว่า ปริมาณน้ำมันในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่ความต้องการเชื้อเพลิงเพื่อการขนส่งปรับตัวลดลง นอกจากนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและอินเดียยังส่งผลให้ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกซบเซาลงด้วย

การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลง โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.4% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 1.9% ส่วนหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี และหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 4.4%

หุ้นเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่น ปรับตัวลง 0.4% ขณะที่หุ้นยาฮูร่วงลง 2.7% หลังจากมีรายงานว่า เวอไรซอนประกาศทุ่มเงิน 4.8 พันล้านดอลลาร์เข้าซื้อกิจการอินเทอร์เน็ตของบริษัทยาฮู

การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะช่วยหนุนธุรกิจอินเทอร์เน็ตของ AOL ซึ่งเวอไรซอนซื้อกิจการมาก่อนหน้านี้ด้วยวงเงิน 4.4 พันล้านดอลลาร์ โดยจะทำให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีด้านการโฆษณาของยาฮู รวมทั้งเครื่องมือในการหาข้อมูล, เมล์, เมสเซนเจอร์ และอสังหาริมทรัพย์

หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค ปรับตัวลง 1.5% แม้ว่าบริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดก็ตาม

หุ้น Amazon.com ขยับขึ้น 0.7% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 835 ดอลลาร์ จากระดับ 775 ดอลลาร์ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ค.โดยมาร์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 26-27 ก.ค. โดยคาดว่าเฟดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ แต่นักลงทุนให้ความสนใจต่อแถลงการณ์หลังการประชุม ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ