ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่ไร้ทิศทาง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงหลุดจากระดับ 43 ดอลลาร์/บาร์เรล และจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,473.75 จุด ลดลง 19.31 จุด หรือ -0.10% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,110.05 จุด เพิ่มขึ้น 12.42 จุด หรือ +0.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,169.18 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด หรือ +0.03%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากบริษัทจดทะเบียนได้เปิดเผยผลประกอบการที่ไร้ที่ทิศทางเมื่อวานนี้ โดยบริษัทแมคโดนัลด์เปิดเผยกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 1.25 ดอลลาร์ในไตรมาส 2/2559 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.39 ดอลลาร์ แต่บริษัทมียอดขายที่ระดับ 6.27 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์
ขณะที่เวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่น เปิดเผยกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 94 เซนต์ในไตรมาส 2/2559 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 92 เซนต์ แต่รายได้อยู่ที่ระดับ 3.053 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 3.094 หมื่นล้านดอลลาร์
ด้านบริษัทแคเทอร์พิลลาร์เปิดเผยกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 1.09 ดอลลาร์ในไตรมาส 2/2559 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.96 ดอลลาร์ ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 1.03 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หุ้นแมคโดนัลด์ร่วงลง 4.47% หุ้น 3M ดิ่งลงลง 1.1% ขณะที่เวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่น ปรับตัวลง 1.9% ส่วนหุ้นแคเทอร์พิลลาร์พุ่งขึ้น 5.16% ขานรับผลประกอบการของบริษัท
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลงหลุดจากระดับ 43 ดอลลาร์/บาร์เรลในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ และจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ
เจฟฟ์ ลูว์อิส นักวิเคราะห์ของแมนูไลฟ์ แอสเซท แมเนจเมนท์ คาดการณ์ว่า เฟดจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป จนกว่าจะถึงไตรมาสแรกของปีหน้า อันเนื่องจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการที่สหราชอาณาจักรลงมติแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.
ด้านนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ขณะที่นักลงทุนจะจับตาแถลงการณ์หลังการประชุม เพื่อมองหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในปีนี้
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ราคาบ้านในสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 5.4% ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 5.7%
นอกเหนือจากผลการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ด้วย ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., อดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมิ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)