ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น ก่อน"เยลเลน"กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญ 21.00 น.คืนนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 26, 2016 20:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในวันนี้ ก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้ เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย

ณ เวลา 20.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 18,497.30 จุด เพิ่มขึ้น 49.78 จุด หรือ 0.27%

หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวนำตลาดวันนี้

นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเยลเลน ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันนี้ โดยการประชุมประจำปีของเฟดในครั้งนี้มีการจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน ในวันที่ 25-26 ส.ค. ภายใต้หัวข้อ "การออกแบบกรอบนโยบายการเงินอย่างยืดหยุ่นสำหรับอนาคต" ซึ่งที่ผ่านมานั้น เฟดมักจะแถลงนโยบายสำคัญในการประชุมดังกล่าว

ทั้งนี้ นางเยลเลนจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ในหัวข้อ "เครื่องมือด้านนโยบายการเงินของเฟด" หลังจากที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในปีที่แล้ว โดยนางเยลเลนจะกล่าวแสดงมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ และอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวในวันนี้ว่า การประชุมของเฟดในเดือนหน้าถือเป็นเวลาเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ดี เขาปฏิเสธที่จะระบุถึงกำหนดเวลาที่แน่นอนสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุแต่เพียงว่า เขาต้องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 10 ปี ท่ามกลางข่าวดีทางด้านเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ขยายตัว 1.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 1.2%

เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 0.8% ในไตรมาส 1 และขยายตัว 1.0% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ หลังจากที่ขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ขณะที่ทั้งปี 2015 ขยายตัว 2.4%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า กำไรหลังการหักภาษีของภาคเอกชนลดลงสู่ระดับ 2.4% ในไตรมาส 2 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 8.1% ในไตรมาสแรก

ทางกระทรวงยังระบุว่า ตัวเลขรายได้มวลรวมภายในประเทศ (GDI) เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2013

มูลค่าของสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจลดลง 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2011

การลดลงของมูลค่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจได้กระทบตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ราว 1.26% ซึ่งเป็นการส่งผลกระทบมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี และนับเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันที่มูลค่าสต็อกสินค้าคงคลังได้ส่งผลกระทบต่อตัวเลขจีดีพี

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังได้ปรับทบทวนตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2014

นอกจากนี้ การใช้จ่ายในภาคธุรกิจลดลง 3.7% ในไตรมาส 2 โดยลดลงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2007-2009


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ