ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รับผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสมาชิกของกลุ่มฯ สามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเป็นครั้งแรกรอบ 8 ปี ขณะเดียวกันนักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจมากนักกับผลการลงประชามติของอิตาลีเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งผลออกมาว่าประชาชนส่วนใหญ่โหวต NO ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น
ณ เวลา 21.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 19,254.87 จุด เพิ่มขึ้น 84.45 จุด หรือ 0.44%
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ปรับตัวขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.60% แตะที่ 51.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายกรัฐมนตรี มัตเตโอ เรนซี ได้แถลงยอมรับความพ่ายแพ้ในการลงประชามติ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดทอนอำนาจของวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้การผ่านกฎหมายเป็นไปได้ง่ายขึ้น อันจะส่งผลให้ประเทศสามารถแข่งขันได้มากขึ้น พร้อมทั้งกล่าวว่าเขาเตรียมก้าวลงจากตำแหน่ง ตามที่เคยประกาศไว้ว่าเขาจะลาออก หากประชาชนส่วนใหญ่ลงประชามติคัดค้านการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ หรือโหวต NO
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจอิตาลี และอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสามในยูโรโซน และเป็นอันดับสี่ในยุโรป
ผลสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าพรรคไฟว์ สตาร์ มูฟเมนท์ (5SM) พรรคฝ่ายค้านของอิตาลี ซึ่งมีจุดยืนคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและชูนโยบายนำอิตาลีแยกตัวออกจากยูโรโซน จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งก่อนกำหนดและก้าวขึ้นบริหารประเทศ
นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิดว่าตลาดการเงินยุโรและสหรัฐจะซึมซับสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในอิตาลีอย่างไร อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตลาดไม่ได้ให้ความสนใจกับผลการลงประชามติดังกล่าวเท่าไรนัก เนื่องจากมีการคาดการณ์กันอยู่แล้วก่อนหน้านี้ว่าผลโหวต NO จะกวาดคะแนนเสียงไปได้มากกว่า ประกอบกับสัญญาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นได้ช่วยกระตุ้นความต้องการของนักลงทุนในการเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง หุ้น
ทั้งนี้ เทรดเดอร์ยังคงขานรับข้อตกลงของกลุ่มโอเปกในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังคงมีการซื้อขายอย่างคึกคัก หลังจากที่ประชุมโอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ระดับ 33.8 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเป็นไปตามกรอบข้อตกลงในการประชุมที่กรุงอัลเจียร์ส ประเทศแอลจีเรีย ในเดือนก.ย.
การประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมามีขึ้นเพื่อกำหนดโควตาการผลิตน้ำมันของสมาชิกทั้ง 14 ประเทศของโอเปก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ โอเปกได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการประชุมที่กรุงอัลเจียร์สในเดือนก.ย.เพื่อลดกำลังการผลิตโดยรวมสู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน
นักลงทุนจับตาไปที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่หลายคนของธนาคารกลางสหรัฐในวันนี้ ซึ่งอาจส่งสัญญาณให้ทราบเกี่ยวกับจังหวะของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จาก ISM