ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้น บ่งชี้วอลล์สตรีทดีดตัวคืนนี้รับผลประชุม ECB

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 8, 2016 21:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ณ เวลา 21.05 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 42 จุด หรือ 0.22% สู่ระดับ 19,559 จุด

ECB จัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดยที่ประชุมมีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 9 เดือน โดยให้สิ้นสุดในเดือนธ.ค.2017 จากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนมี.ค.2017

อย่างไรก็ดี ECB ระบุว่าจะลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรในช่วงเดือนเม.ย.2017-ธ.ค.2017 สู่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากปัจจุบันที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน

ECB ระบุว่า ทางธนาคารกลางจะพิจารณาปรับวงเงิน และระยะเวลาในการดำเนินมาตรการ QE หากมีความจำเป็น

ขณะเดียวกัน ECB ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB

นอกจากนี้ ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 258,000 ราย สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากอยู่ที่ระดับ 268,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน

จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 92 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 252,500 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง มีจำนวนลดลง 79,000 ราย สู่ระดับ 2.01 ล้านราย ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 พ.ย. ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 9,500 ราย สู่ระดับ 2.03 ล้านราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ