ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเกือบทั่วทั้งภูมิภาคยุโรป
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 78.15 จุด หรือ 1.13% แตะที่ 6,968.57 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปรับขึ้น 2.3% หุ้นบาร์เคลย์ส เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ พุ่งขึ้น 2.6% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ เพิ่มขึ้น 1.3%
หุ้นกลุ่มธนาคารได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ธนาคารยูนิเครดิตของอิตาลีได้ประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งรวมถึงการปรับลดจำนวนพนักงานลงอีก 6,500 ตำแหน่งภายในปี 2562 และการตัดขายหุ้นบางส่วน โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูกิจการของธนาคาร
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองปรับตัวลดลง โดยหุ้นอันโตฟากัสต้า ร่วงลง 4.7% หุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 2.3% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.8%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงแม้ว่าทางการจีนเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งก็ตาม โดยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ขยายตัว 6.2% เทียบเป็นรายปี
หุ้นเทสโก ร่วงลง 3.8% แม้ทางบริษัทเปิดเผยยอดขายและส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในรอบ 12 สัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 4 ธ.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) พุ่งขึ้น 1.2% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.1%
ดัชนี CPI ในเดือนพ.ย.ทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2014 และสูงกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับระดับ 0.1% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว