ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 63.28 จุด ตลาดผิดหวัง"ทรัมป์"ไม่เผยมาตรการกระตุ้นศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 13, 2017 06:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการแถลงข่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,891.00 จุด ลดลง 63.28 จุด หรือ -0.32% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,547.49 จุด ลดลง 16.16 จุด หรือ -0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,270.44 จุด ลดลง 4.88 จุด หรือ -0.21%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการแถลงข่าวของทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยทรัมป์แทบไม่ได้กล่าวถึงมาตรการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่เขาเคยกล่าวไว้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ขณะที่เขาระบุแต่เพียงว่าจะมีการขึ้นภาษีนำเข้าเพื่อตอบโต้บริษัทที่ย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงวอลท์ดิสนีย์, เจพีมอร์แกน, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และแบงก์ ออฟ อเมริกา

หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวลง 0.7% แม้มีรายงานว่าสายการบินสไปซ์เจ็ทของอินเดียอาจจะสั่งซื้อเครื่องบินจำนวน 90 ลำของโบอิ้ง คิดเป็นมูลค่าราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์

สำหรับข่าวความเคลื่อนไหวที่มีผลต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 247,000 ราย โดยต่ำกว่าระดับ 255,000 ราย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นในเดือนธ.ค. โดยปรับตัวขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากร่วงลง 0.2% ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีราคานำเข้าได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยสกัดราคานำเข้า

นายแพททริค ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังปรับตัวอย่างแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ นายฮาร์เกอร์ยังกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังดีดตัวขึ้น และจะแตะระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในปีนี้ หรือปีหน้า

ทางด้านนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า การใช้มาตรการทางการคลังในเชิงรุก รวมทั้งนโยบายอื่นๆ จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐให้มีการขยายตัวแตะระดับ 4% ในระยะสั้น แต่ก็จะเพิ่มความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ นอกจากว่าจะมีการใช้มาตรการอื่นๆเพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพในการผลิต หรือทำให้ตลาดแรงงานมีการขยายตัว

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ