ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าแทบไม่ขยับในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวแคบในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ และผลประกอบการธนาคารสหรัฐ
ณ เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 18 จุด หรือ 0.09% สู่ระดับ 19,821 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.
ยอดค้าปลีกในเดือนธ.ค.ได้รับผลบวกจากอุปสงค์รถยนต์ที่เพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนธ.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ราคาอาหาร, น้ำมัน และรถยนต์ปรับตัวขึ้น
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2014
ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส ระบุว่า ธนาคารมีรายได้ 2.433 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.71 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4
ทางด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.395 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.44 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4
ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แม้ว่ารายได้จะต่ำกว่าคาด
ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุว่า ธนาคารมีรายได้ 1.999 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 40 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 4
นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.085 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 38 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 4
ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 4 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ เวลส์ ฟาร์โก ระบุว่า ธนาคารมีรายได้ 2.158 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 96 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 4 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.245 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1 ดอลลาร์/หุ้น