ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 92.25 จุด หุ้นแบงก์พุ่งรับ"เยลเลน"ส่งสัญญาณขึ้นดบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 15, 2017 06:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการแถลงรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยประธานเฟดระบุว่า การประวิงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานเกินไปนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,504.41 จุด เพิ่มขึ้น 92.25 จุด หรือ +0.45% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,782.57 จุด เพิ่มขึ้น 18.61 จุด หรือ +0.32% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,337.58 จุด เพิ่มขึ้น 9.33 จุด หรือ +0.40%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนภาวะการซื้อขายในตลาด หลังจากนางเยลเลนได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการแถลงรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้

ทั้งนี้ ประธานเฟดกล่าวว่า การรอเป็นเวลานานเกินไปเพื่อปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และอาจทำให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ซึ่งจะเสี่ยงต่อการกระทบตลาดการเงิน และฉุดเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอย

"ในการประชุมครั้งต่อๆไป คณะกรรมการเฟดจะประเมินดูว่าการจ้างงานและเงินเฟ้อยังคงปรับตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์หรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น การปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไปก็จะมีความเหมาะสม" นางเยลเลนกล่าว

นอกจากนี้ นางเยลเลนยังระบุว่า ถึงแม้เฟดคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเพื่อรักษานโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย แต่การทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวกลับสู่ระดับปกติก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ

ในการแถลงครั้งนี้ นางเยลเลนยังได้แสดงท่าทีเห็นด้วยต่อหลักการเกี่ยวกับการออกคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องการปฏิรูปทางการเงิน โดยปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อยกเครื่องกฎระเบียบทางการเงินของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการทบทวนกฏหมายดอดด์-แฟรงค์ ซึ่งเป็นกฏหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้กู้วิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต

ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 1.3% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 249.92 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 1.6% ส่วนหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ และหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1%

หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.3% และปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไอโฟน 7 ในไตรมาสเดือนต.ค.-ธ.ค.2559 พุ่งขึ้นแตะระดับ 78.29 ล้านเครื่อง จาก 74.78 ล้านเครื่องในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 77.42 ล้านเครื่อง และสูงกว่ายอดขายสมาร์ทโฟนของซัมซุง อิเล็คโทรนิคส์ที่ 77.5 ล้านเครื่อง

หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ทะยานขึ้น 4.8% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทเปอร์โยต์ ผู้ผลิตรถยนต์ของฝรั่งเศส กำลังเจรจากับ GM เพื่อซื้อแบรนด์รถยนต์โอเปิล

หุ้นแมทเทล ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัว 0.6% หลังจากแมทเทลประกาศร่วมมือกับบริษัทอาลีบาบา เพื่อพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับลูกค้าในประเทศจีน ผ่านทางเว็บไซต์ Tmall.com

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% และเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2012 โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น

นักลงทุนยังคงจับตานางเยลเลนซึ่งจะแถลงต่อเป็นวันที่สอง โดยในวันนี้ นางเยลเลนจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเดือนธ.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนม.ค.โดย Conference Board


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ