ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 32.60 จุด รับข่าวควบกิจการบริษัทจดทะเบียน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 23, 2017 06:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) โดยดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกัน 9 วันทำการ ทำสถิติปิดในแดนบวกที่ยาวนานที่สุดในรอบ 30 ปี เพราะได้แรงหนุนจากข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นไปได้ที่จะมีการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทดูปองท์ และดาว เคมิคอล อย่างไรก็ตาม แรงบวกของดัชนีดาวโจนส์ถูกสกัดลงในระหว่างวัน หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดเห็นพ้องว่าควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,775.60 จุด เพิ่มขึ้น 32.60 จุด หรือ +0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,860.63 จุด ลดลง 5.32 จุด หรือ -0.09% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,362.82 จุด ลดลง 2.56 จุด หรือ -0.11%

ดัชนีดาวโจนส์ยังคงเดินหน้าปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านกฎระเบียบของสหภาพยุโรป (EU) จะอนุมัติให้บริษัทดูปองท์ควบรวมกิจการกับบริษัทดาว เคมิคอลในเร็วๆนี้ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นดูปองท์ พุ่งขึ้น 3.4% และหุ้นดาว เคมิคอล ทะยานขึ้น 4%

ทางด้านมอนซานโต้ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ได้ยอมรับข้อเสนอการควบรวมกิจการจากบริษัทเบเยอร์ ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งจากเยอรมนี ในวงเงิน 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยการควบรวมกิจการครั้งนี้จะต้องผ่านการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านกฎระเบียบ ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นมอนซานโตปิดตลาดเพิ่มขึ้น 1%

หุ้นบริสทอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 1% หลังจากมีรายงานว่านายคาร์ล ไอคาห์น มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังได้เพิ่มการถือครองหุ้นในบริสทอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ เพราะเชื่อมั่นว่าบริษัทมีฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งเพียงพอในการดึงดูดบริษัทรายใหญ่ให้ยื่นข้อเสนอเทคโอเวอร์กิจการ

หุ้นยูนิลีเวอร์ พุ่งขึ้น 4.6% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะยังคงเปิดรับข้อเสนอการควบรวมกิจการหรือซื้อกิจการจากบริษัทรายอื่นๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอการซื้อกิจการจากคราฟท์ ไฮนซ์ เนื่องจากเป็นข้อเสนอที่มีมูลค่าต่ำเกินไป

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เมื่อวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และสมควรที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเร็วๆนี้ หากข้อมูลที่ได้รับมานั้นบ่งชี้ถึงว่า ตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อมีความสอดคล้อง หรือ แข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ของเฟดในปัจจุบัน

รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า มีเจ้าหน้าที่เฟดประมาณ 2-3 คนที่แสดงความเห็นว่า เฟดควรดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า ซึ่งจะช่วยให้เฟดมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ โดยการประชุมเฟดครั้งหน้าจะมีขึ้นในวันที่ 14-15 มี.ค.นี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงกว่า 1% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นคอนโค รีซอสเซส ดิ่งลง 6.8% และหุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชั่น ร่วงลง 8%

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนม.ค.จากเฟดชิคาโก, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ