ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวแคบในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายละเอียดของมาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ณ เวลา 20.09 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 4 จุด หรือ 0.02% สู่ระดับ 20,949 จุด
นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวในวันนี้ว่า มาตรการปรับลดภาษีที่จะมีการประกาศในวันนี้ จะเป็นการปรับลดภาษีและปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
นายมนูชินกล่าวว่า ธุรกิจรายย่อยจะได้ประโยชน์จากการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 35%
นอกจากนี้ นายมนูชินกล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามปฏิรูปภาษีให้มีความเรียบง่ายมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เขากล่าวว่า การปฏิรูปภาษีจะถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในอันดับสูงสุดของสภาคองเกรส และสมาชิกรัฐสภาทุกคนต่างก็ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว โดยรัฐบาลได้บรรลุข้อตกลงพื้นฐานกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับเป้าหมายของการปฏิรูปภาษี
ขณะเดียวกัน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐสามารถขยายตัวสู่ระดับ 3% ต่อปี
ทั้งนี้ นายมนูชิน และนายแกรี โคห์น ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ จะจัดแถลงข่าวร่วมกันที่ทำเนียบขาวในวันนี้ เวลา 13.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้ เวลา 00.30 น.ตามเวลาไทย เพื่อเปิดเผยถึงรายละเอียดของมาตรการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
"เราจะมีการประกาศข่าวใหญ่ในวันพุธเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษี ซึ่งกระบวนการนี้ได้ดำเนินมานานแล้ว แต่จะเริ่มอย่างเป็นทางการในวันพุธ" ปธน.ทรัมป์กล่าวที่กระทรวงการคลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์เสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และเสนอให้มีการปรับลดภาษีกำไรที่บริษัทข้ามชาติส่งกลับสู่สหรัฐ ลงสู่ระดับ 10% จากปัจจุบันที่ระดับ 35%
ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ยังเสนอให้มีการเพิ่มวงเงินการหักลดหย่อนที่ผู้เสียภาษีสามารถระบุในแบบฟอร์มการชำระภาษี
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในวันนี้
บริษัทเป๊ปซี่โค เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรพุ่งขึ้น 41.6% ในไตรมาส 1 โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับเครื่องดื่มและของขบเคี้ยว ขณะที่บริษัททำการปรับลดค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.32 พันล้านดอลลาร์ หรือ 0.91 ดอลลาร์/หุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 931 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.64 ดอลลาร์/หุ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 1.6% สู่ระดับ 1.205 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้เป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่ลดลงติดต่อกัน 8 ไตรมาส
บริษัททวิตเตอร์ อิงค์ เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร และรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 1
ทั้งนี้ ทวิตเตอร์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 11 เซนต์/หุ้น ขณะที่มีรายได้ 548 ล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทจะมีกำไร 1 เซนต์/หุ้น และมีรายได้ 511.9 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ยังเปิดเผยว่าบริษัทมีผู้ใช้บริการ 328 ล้านรายต่อเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 321 ล้านราย
พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยกำไรที่ลดลง 8.3% ในไตรมาส 1 จากการแข็งค่าของดอลลาร์, การชะลอตัวของตลาด และความไม่แน่นอนจากภาวะตึงเครียดทางการเมืองในต่างประเทศ
P&G เปิดเผยกำไรที่ระดับ 2.52 พันล้านดอลลาร์ หรือ 93 เซนต์/หุ้น โดยต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 2.75 พันล้านดอลลาร์ หรือ 97 เซนต์/หุ้น
อย่างไรก็ดี หากไม่นับรวมค่าใช้จ่ายในรายการพิเศษ บริษัทมีกำไรสุทธิ 96 เซนต์/หุ้น โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 94 เซนต์/หุ้น
นอกจากนี้ P&G ยังเปิดเผยยอดขายลดลง 1% สู่ระดับ 1.561 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นไตรมาสที่ 13 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.573 หมื่นล้านดอลลาร์