ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 21.03 จุด ตลาดผิดหวังมาตรการภาษี "ทรัมป์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 27, 2017 06:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามาตรการปฏิรูปภาษีที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เปิดเผยเมื่อวานนั้น ไม่ได้ลงรายละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ และไม่ได้ให้ความกระจ่างว่าแผนการปรับลดภาษีในครั้งนี้จะส่งผลให้สหรัฐขาดดุลงบประมาณมากขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง ทวิตเตอร์ และเป๊ปซี่โค

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,975.09 จุด ลดลง 21.03 จุด หรือ -0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,387.45 จุด ลดลง 1.16 จุด หรือ -0.05% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,025.23 จุด ลดลง 0.27 จุด หรือ -0.00%

นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายแกรี โคห์น ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาษีเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า จะมีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% อีกทั้งจะมีการปรับลดภาษีเงินได้ของธุรกิจขนาดย่อม ซึ่งรวมถึงรายได้ส่วนบุคคลของเจ้าของธุรกิจ สู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 39.6%

นอกจากนี้ จะมีการปรับลดขั้นบันไดในการคิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากปัจจุบัน 7 ขั้น เหลือเพียง 3 ขั้น โดยผู้มีรายได้ในขั้นสูงสุดจะเสียภาษีในอัตรา 35% ส่วนอีก 2 ขั้น เสียภาษีในอัตรา 25% และ 10% อย่างไรก็ดี ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของวงเงินรายได้ของผู้เสียภาษีในแต่ละขั้นบันได

นักวิเคราะห์จากพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียลกล่าวว่า นักลงทุนมองว่ามาตรการภาษีดังกล่าวไม่ได้ลงรายละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการที่นายมนูชินไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับลดภาษีที่เรียกเก็บจากกำไรที่บริษัทข้ามชาติส่งกลับสู่สหรัฐ ซึ่งต่างจากที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่า จะมีการปรับลดภาษีดังกล่าวสู่ระดับ 10% จากปัจจุบันที่ระดับ 35%

นอกจากนี้ นายมนูชินยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ว่า แผนการปรับลดภาษีดังกล่าวจะส่งผลให้สหรัฐขาดดุลงบประมาณมากขึ้นหรือไม่ โดยเขากล่าวแต่เพียงว่า รัฐบาลจะได้รับรายได้ที่ชดเชยมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนในระหว่างวันจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยหุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 7.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 11 เซนต์ในไตรมาส 1/2560 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ไว้ที่ 1 เซนต์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 548 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 511.9 ล้านดอลลาร์

ด้านบริษัทเป๊ปซี่โคเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรพุ่งขึ้น 41.6% ในไตรมาส 1 โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ขณะที่บริษัททำการปรับลดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม หุ้นเป๊ปซี่โคปิดตลาดขยับลง 0.7%

หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก ปรับตัวลงกว่า 1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรลดลง 8.3% ในไตรมาส 1 เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์, การชะลอตัวของตลาด และความไม่แน่นอนจากภาวะตึงเครียดทางการเมืองในต่างประเทศ

นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลสหรัฐและสภาคองเกรส เกี่ยวกับการออกร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะช่วยให้สหรัฐหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ ซึ่งหากรัฐบาลและสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันก่อนเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนของวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐ ก็จะส่งผลให้มีการปลดข้าราชการจำนวนหลายล้านคนเป็นการชั่วคราว และปิดหน่วยงานของรัฐบาลบางส่วน เนื่องจากขาดงบประมาณในการว่าจ้างพนักงาน

นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 1/2560 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ไตรมาส 1/2560


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ