ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 70.53 จุด รับแรงซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 26, 2017 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากบริษัทเบสท์ บาย ห้างค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของสหรัฐได้เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนขานรับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนพ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,082.95 จุด เพิ่มขึ้น 70.53 จุด หรือ +0.34% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,415.07 จุด เพิ่มขึ้น 10.68 จุด หรือ +0.44% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,205.26 จุด เพิ่มขึ้น 42.23 จุด หรือ +0.69%

หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากบริษัทเบสท์ บาย เปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาส 1 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.53 พันล้านดอลลาร์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 8.44 พันล้านดอลลาร์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 8.28 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายพุ่งขึ้น 1.6% ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.3%

ทั้งนี้ หุ้นเบสท์ บาย ปิดตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 21.5% และช่วยหนุนหุ้นบริษัทค้าปลีกรายอื่นๆดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นพีวีเอช ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าแบรนด์ดังอย่าง คาลวิน ไคลน์ และทอมมี ฮิลฟิเกอร์ พุ่งขึ้น 4.8% หุ้น Guess ดีดตัวขึ้นกว่า 2% หุ้นอเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ ปรับตัวขึ้นกว่า 1% และหุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 1.3%

ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์ ปรับตัวขึ้น 1.5% และหุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 0.5%

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนขานรับรายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.ของเฟด โดยรายงานระบุว่า ก่อนที่เฟดจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปนั้น กรรมการเฟดจะพิจารณาข้อมูลต่างๆอย่างรอบคอบระมัดระวัง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ขณะเดียวกันกรรมการเฟดยังได้หารือกันเกี่ยวกับแผนการปรับลดงบดุลบัญชีของเฟดซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งกรรมการเฟดเกือบทั้งหมดเห็นพ้องกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาล และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ในปีนี้

ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลแรงงานที่ออกมาค่อนข้างเป็นบวกของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 1,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 234,000 ราย โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 238,000 ราย

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการบ่อน้ำมัน ดิ่งลง 2.8% และหุ้นมาราธอน ออยล์ ร่วงลง 7.1% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเกือบ 5% เมื่อคืนนี้ ภายหลังจากที่ประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือนจนถึงเดือนมี.ค.2018 โดยไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาส 1 (ประมาณการครั้งที่ 2), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ