ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เสร็จสิ้นการเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งนักลงทุนมองว่าไม่มีหลักฐานบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ขัดขวางกระบวนการยุติธรรมที่จะส่งผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา
ณ เวลา 00.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,239.33 จุด บวก 65.64 จุด หรือ 0.31% หลังจากร่วงลงในช่วงแรก
ทั้งนี้ นายโคมีย์กล่าวว่า เขาไม่มีข้อสงสัยกรณีที่รัฐบาลรัสเซียได้เข้าแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว และได้ลักลอบเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของคณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครต
อย่างไรก็ดี เขาก็มั่นใจว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงคะแนนในการลงคะแนนเสียง หรือมีการแก้ไขคะแนนเสียงในระหว่างการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ นายโคมีย์ยังกล่าวว่า เขารู้สึกไม่สบายใจต่อการที่ปธน.ทรัมป์ร้องขอให้เขายุติการสอบสวนประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ กับรัฐบาลรัสเซีย แต่นายโคมีย์ก็ไม่ได้ระบุว่าเขาคิดว่าปธน.ทรัมป์ได้พยายามขัดขวางกระบวนการยุติธรรมหรือไม่
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนกังวลว่า หากคำให้การของนายโคมีย์บ่งชี้ว่าปธน.ทรัมป์ได้ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ก็จะส่งผลให้มีการดำเนินการถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้จัดการประชุมในวันนี้ และส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ได้แถลงว่าภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ จะทำให้ ECB ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยจะคงวงเงินที่ระดับดังกล่าวไปจนถึงเดือนธ.ค.
อย่างไรก็ดี ECB แถลงว่า อาจมีการขยายเวลาในการใช้มาตรการ QE เกินกว่าเดือนธ.ค.ปีนี้ หากมีความจำเป็น โดย ECB จะใช้มาตรการ QE ไปจนกระทั่งทิศทางของเงินเฟ้อมีความยั่งยืน
สำหรับการเลือกตั้งในอังกฤษนั้น มีการคาดการณ์ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง แม้ผลสำรวจของหลายสำนักบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของทางพรรคที่มีเหนือคู่แข่งได้ลดลงอย่างมากในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง และจะส่งผลให้พรรคอนุรักษ์นิยมไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาอังกฤษ