ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 8.84 จุด หลังนลท.มองคำให้การ"โคมีย์"ไม่กระทบ"ทรัมป์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 9, 2017 06:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนมองว่า คำให้การของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ และจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในวันข้างหน้า อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่นักลงทุนจะทราบผลการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,182.53 จุด เพิ่มขึ้น 8.84 จุด หรือ +0.04% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,321.76 จุด เพิ่มขึ้น 24.38 จุด หรือ +0.39% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,433.79 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด หรือ +0.03%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังจากนายโคมีย์เสร็จสิ้นการเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยนายโคมีย์กล่าวว่า เขาไม่มีข้อสงสัยกรณีที่รัฐบาลรัสเซียได้เข้าแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว หรือกรณีที่ว่ารัสเซียได้ลักลอบเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของคณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครต

นายโคมีย์ยังกล่าวด้วยว่า ปธน.ทรัมป์ไม่ได้สั่งให้เขายุติการสอบสวนประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ กับรัฐบาลรัสเซีย โดยคำพูดของปธน.ทรัมป์เป็นในลักษณะ "ร้องขอ" เท่านั้น ซึ่งทำให้เขาเข้าใจว่า คำร้องขอดังกล่าว เป็นคำสั่ง

ก่อนหน้านี้ นักลงทุนกังวลว่า หากคำให้การของนายโคมีย์บ่งชี้ว่าปธน.ทรัมป์ได้ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ก็จะส่งผลให้มีการดำเนินการถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

ขณะเดียวกันตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการขยายเวลาในการใช้มาตรการ QE เกินกว่าเดือนธ.ค.ปีนี้ หากมีความจำเป็น โดย ECB จะใช้มาตรการ QE ไปจนกระทั่งทิศทางของเงินเฟ้อจะมีความยั่งยืน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 245,000 ราย โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 118 ติดต่อกัน

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 1.2% และหุ้นเรเจียนส์ ไฟแนนเชียล พุ่งขึ้น 3.2%

หุ้นยาฮู พุ่งขึ้น 10.2% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่นส์ อิงค์ จะปลดพนักงานราว 2,000 คน หลังเสร็จสิ้นการซื้อสินทรัพย์หลักของบริษัทยาฮู อิงค์ วงเงิน 4.48 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ คาดว่าการปลดพนักงานจะเกิดขึ้นในบริษัท AOL ของเวอไรซอน และยาฮู โดยมีสัดส่วนราว 15% ของพนักงานจากทั้งสองบริษัท ซึ่งพนักงานที่จะถูกปลดออกส่วนใหญ่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และจากนอกสหรัฐ

หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป ทะยานขึ้น 13% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า รายได้ในปี 2561 จะพุ่งขึ้นราว 45%-49%

หุ้นนอร์ดสตรอม พุ่งขึ้น 10.3% ขานรับข่าวการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นอร์ดสตรอมได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการที่ปธ.ทรัมป์ได้ออกมาวิจารณ์ห้างนอร์ดสตรอม ที่ได้ตัดสินใจยุติการจัดจำหน่ายแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับของอิวานกา ทรัมป์ บุตรสาวคนโต

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ โดยมีการคาดการณ์ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง แม้ผลสำรวจของหลายสำนักบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของทางพรรคที่มีเหนือคู่แข่งได้ลดลงอย่างมากในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง และจะส่งผลให้พรรคอนุรักษ์นิยมไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาอังกฤษ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ