ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) โดยปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตลาดน้ำมัน
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 15.16 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 7,424.13 จุด
หุ้นกลุ่มพลังงานที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงถ้วนหน้า โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ และ บีพี พีแอลซี อ่อนตัวลง 0.1% สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ หุ้นเชลล์และบีพีร่วงลง 2.9% และ 2.2% ตามลำดับ
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด เนื่องจากการที่สหรัฐ ลิเบีย และไนจีเรียได้ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นนั้น เป็นปัจจัยที่ขัดขวางความพยายามของกลุ่มโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิต
มีรายงานว่า การผลิตน้ำมันของลิเบียเพิ่มขึ้นมากกว่า 50,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 885,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่การส่งออกน้ำมันของไนจีเรียจะเพิ่มขึ้น 62,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค.
ทางด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ เปิดเผยรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์ พบว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 11 แท่น สู่ระดับ 758 แท่นในสัปดาห์นี้ และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 23 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit หลังจากนายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีคลังอังกฤษ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ความไม่แน่นอนของผลการเจรจา Brexit ส่งผลให้การลงทุนมหาศาลในภาคธุรกิจถูกชะลอออกไป