ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งกว่า 150 จุดในวันนี้ โดยการทรุดตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้หักล้างการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร
ณ เวลา 23.06 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,301.28 จุด ลดลง 153.33 จุด หรือ 0.71%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง นำโดยหุ้นแอปเปิล
ราคาหุ้นเฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ต่างร่วงลงมากกว่า 1.5% ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 1.6% ในวันนี้
ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่ทะยานขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยพุ่งขึ้นมากกว่า 15% แต่ในเดือนนี้ได้ร่วงลงแล้วเกือบ 2%
ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังคงดีดตัวขึ้นในวันนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดีดตัวใกล้ระดับ 2.28% หลังจากเริ่มต้นสัปดาห์ที่ระดับ 2.15%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารต่างดีดตัวขึ้นในวันนี้ ขานรับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐทั้ง 34 แห่ง สามารถเดินหน้าแผนเพิ่มการจ่ายเงินปันผล และซื้อหุ้นคืนได้ หลังจากที่ธนาคารเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ประจำปีรอบที่ 2 ของเฟด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1 อยู่ที่ระดับ 1.4% โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.2%
การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 1 ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการส่งออกที่พุ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยตัวเลขประมาณการจีดีพีประจำไตรมาส 1 ครั้งที่ 1 ที่ระดับ 0.7% ก่อนที่จะปรับเพิ่มในประมาณการครั้งที่ 2 สู่ระดับ 1.2%
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 244,000 ราย โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 240,000 ราย
อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 121 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้